ผลการประชุมบอร์ด กกท. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น ๒ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๓ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

ที่ประชุมรับทราบรายงานความคืบหน้าการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ ๖ ปี ค.ศ. ๒๐๒๑ ซึ่งจากการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ ๖ ค.ศ. ๒๐๒๑ และเมื่อได้รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ มอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย กกท. ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาความพร้อมในด้านต่าง ๆ ให้ครบถ้วนทุกมิติ รวมทั้ง จัดทำโครงสร้างคณะกรรมการต่าง ๆ รายละเอียดแผนงาน/กิจกรรมที่ต้องดำเนินการ และงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และ กกท. โดยฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ ได้จัดทำร่างโครงสร้างของคณะกรรมการฯ และขอความร่วมมือที่ประชุมผู้บริหารร่วมเป็นคณะกรรมการ ดังนี้ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน และผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นเลขานุการ ประกอบด้วย ๔ ฝ่าย ได้แก่ (๑) คณะกรรมการฝ่ายอำนวยการ โดยมี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน และรองผู้ว่าการฝ่ายบริหาร กกท. เป็นเลขานุการ (๒) คณะกรรมการฝ่ายแผนงานงบประมาณและการเงิน โดยมี ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นประธาน และสำนักงบประมาณ ระดับ ๙ เป็นเลขานุการ (๓) คณะกรรมการฝ่ายเทคนิค โดยมี ผู้ว่าการ กกท. เป็นประธาน และรองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ กกท. เป็นเลขานุการ (๔) คณะกรรมการฝ่ายเลขานุการ โดยมี ผู้ว่าการ กกท. เป็นประธาน และรองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา กกท. เป็นเลขานุการ โดยในเบื้องต้น OCA ขอให้มีการจัดแข่งขัน ในห้วงปลายเดือนเมษายน ค.ศ. ๒๐๒๑ ทั้งนี้ กกท. ได้ประสานงานเพิ่มเติมกับ OCA เรื่องช่วงเวลาจัดการแข่งขันว่า ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพสามารถกำหนดเวลาการแข่งขันได้ในช่วงเดือนเมษายน – กรกฎาคม ค.ศ. ๒๐๒๑ (พ.ศ. ๒๕๖๔)

จากนั้น ที่ประชุมให้ความเห็นชอบเพิ่มเติมกรอบวงเงินงบลงทุน จำนวน ๒ โครงการ ประกอบด้วย โครงการจัดหาอุปกรณ์วิทยาศาสตร์การกีฬาสำหรับป้องกันการเสียชีวิตในสนาม จำนวนเงิน ๑๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท (ส่วนกลางและสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นเงิน ๒,๖๑๐,๐๐๐ บาท และส่วนภูมิภาค เป็นเงิน ๙,๐๙๐,๐๐๐ บาท) และ โครงการการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติกีฬามวย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕,๕๐๖,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย การบริหารจัดการด้านสารสนเทศของสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย จำนวน ๒ รายการ เป็นเงิน ๕,๑๐๒,๐๐๐ บาท (อนุมัติตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) ดังนี้ การพัฒนาระบบสารสนเทศ (งบลงทุน) เป็นเงิน ๓,๒๕๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย (๑) การพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพฐานข้อมูลทะเบียนกีฬามวย (ระยะที่ ๒) เป็นเงิน ๒,๓๕๐,๐๐๐ บาท (๒) การจ้างพัฒนาและบริหารจัดการเนื้อหาเว็ปไซต์ด้านกีฬามวยไทยเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะ เป็นเงิน ๙๐๐,๐๐๐ บาท, ครุภัณฑ์สารสนเทศ จำนวน ๕ รายการ เป็นเงิน ๑,๘๕๒,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย (ครุภัณฑ์) จำนวน ๑๓ รายการ เป็นเงิน ๔๐๔,๐๐๐ บาท บาท (อนุมัติตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓)

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังให้ความเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการเลือกกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ประเภทผู้แทนสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” โดยมี รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามอบหมาย เป็นประธานกรรมการ และมี รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นกรรมการและเลขานุการ รวมทั้งเห็นชอบประกาศกำหนดชนิดกีฬาที่สามารถขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมกีฬา เพิ่มเติม คือ กีฬาเทคบอล (Teqball)