ก้องศักด” อยากเห็น กกท. เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ด้านกีฬา

ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เป็นประธานในการประชุมสัมมนาเพื่อพัฒนาบุคลากรของสำนักงาน กกท. ภาค 5 ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2562 โดยมี นายวิษณุ ไล่ชะพิษ รองผู้ว่าการ ฝ่ายส่งเสริมกีฬา, นายราเชลล์ ได้ผลธัญญา รองผู้ว่าการฝ่ายบริหาร, ผู้บริหาร กกท. , ผู้อำนวยการ กกท. ภาค, กกท. จังหวัด, พนักงาน และผู้ช่วยปฏิบัติงานโครงการฯ ในภาค 5 ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมหอพัก 700 ปี สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า สืบเนื่องจากปัญหามลภาวะทางอากาศที่เชียงใหม่กำลังเผชิญกับฝุ่นจิ๋วอยู่ในขณะนี้ อยากให้ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงก่อนที่จะไปดูแลสุขภาพของประชาชน ขอให้แนะนำประชาชนเรื่องการออกกำลังกายให้เหมาะสมในสภาพอากาศแบบนี้ ขอให้ทุกคนได้ให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนที่จะมาออกกำลังกายในสนามของเราเพราะนี่คือหน้าที่ของเราด้วย สำหรับเรื่องของการปฏิบัติงานอยากให้ทุกคนทำงานด้วยความโปร่งใส มีความซื่อสัตย์สุจริต มีธรรมาภิบาลในการทำงาน ขอให้คำนึงถึงเรื่องการวางแผนกลยุทธ์ แผนพัฒนากีฬาในแต่ละจังหวัด เช่น แผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือ Sports Tourism , การบริหารงานจำเป็นต้องมีการบริหารความเสี่ยงควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากโลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาก้าวหน้าไปมาก เราต้องมีการปรับตัวตามไปด้วยเพื่อพัฒนาการทำงานให้ทันกับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีในยุคดิจิตอล ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะต้องมีการพัฒนาและนำมาปรับใช้ในการทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อความสะดวกรวดเร็วทันต่อโลกสมัยใหม่ เช่น การเก็บข้อมูลกีฬาด้านต่างๆ ในรูปแบบดิจิตอล เป็นต้น

“การพัฒนาบุคลากร มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อไปจะมีการอบรมต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเงิน การบัญชี กฎหมาย และการพัสดุ เราต้องพยายามบริหารบุคลากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จะพยายามผลักดันการออกระเบียบต่างๆที่เรายังไม่มี อยากให้ทุกคนมีแผนงานที่ชัดเจน มีการตรวจสอบภายใน, การควบคุมภายใน และการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งใช้เทคโนโลยีระบบดิจิตอลเข้ามาบริหารข้อมูลด้านกีฬา อยากให้ทุกคนอัพเดทข้อมูลความรู้ใหม่ๆ เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนวัตกรรมให้มากขึ้น มีโครงการต่างๆก็จะเปิดโอกาสให้พวกเราเข้าไปเรียนรู้ให้มากที่สุด มีการพัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา อยากเห็น กกท. เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ได้อย่างไม่รู้จบและนำความรู้นั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงๆ อยากเห็นการทำงานที่เป็นทีม มีความสามัคคีกัน ระหว่าง กกท. สมาคมกีฬา นักกีฬา และประชาชน อยากให้มีการถ่ายทอดประสบการณ์ทำงานต่างๆ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด รุ่นน้องจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของรุ่นพี่ หากทำได้เราจะเป็นองค์กรที่มีคลังความรู้เพื่อนำไปพัฒนาวงการกีฬาโดยรวมต่อไปในอนาคต”

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวเพิ่มเติมว่า สุดท้ายแล้วอยากเน้นย้ำเรื่องการปฏิบัติตามกฏหมาย ระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด ขณะนี้ทีมผู้บริหารกำลังพิจารณาการปรับโครงสร้างการบริหารงานของ กกท. ในรูปแบบใหม่ ทั้งหมดในองค์กร ซึ่งทุกท่านจะได้เห็นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะ โดยเฉพาะรูปแบบการบริหารงานกีฬาภูมิภาคที่จะมีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มอัตราต่างๆ หรือ การยกระดับกองนิติการ เป็นสำนักกฎหมาย เพื่อให้ความช่วยเหลือและเป็นพี่เลี้ยงในเรื่องกฎหมายต่างๆ หรือ การจัดระเบียบสำนักทะเบียนให้มีมาตรฐานในการตัดสินใจเรื่องสมาคมกีฬาจังหวัด เป็นต้น เดิมทีตั้งใจจะนำเข้าที่ประชุมบอร์ด กกท. ในวันที่ 27 มีนาคม นี้ แต่เนื่องด้วยมีรายละเอียดมาก คาดว่าจะนำเสนอในเดือนถัดไปแทน ขอให้ทุกคนอดใจรออีกไม่นานจะได้รับทราบไปพร้อมๆกัน