กกท. จัดแถลงข่าว Live Streaming Press Conference : Road to Tokyo 2020 รวมใจสู่ชัยชนะ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในการแถลงข่าว Live Streaming Press Conference : Road to Tokyo 2020 รวมใจสู่ชัยชนะ โดยมี ผศ.ดร. ภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ, พลตรี จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. และนางสาวศิวพร เพ่งผล หัวหน้าแผนกงานบริหารวีดีโอและบรอดคาสท์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลง ณ ห้องประชุม ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มุ่งมั่นในการสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพนักกีฬาไทย ให้พัฒนาไปสู่การแข่งขันในระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งถือเป็นมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โดยนักกีฬาทุกคนที่เข้าแข่งขันนอกจากจะสร้างชื่อเสียงและสร้างภาพลักษณ์ให้แก่ประเทศไทยแล้ว ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงสร้างกระแสความนิยมด้านกีฬาให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนและเยาวชน นำไปสู่การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของประเทศ ตลอดจนสร้างความสามัคคีให้คนในชาติอีกด้วย

สำหรับการเตรียมความพร้อมของทัพนักกีฬาไทย ในสถานการณ์การระบาดของไวรัส โควิด-19 นั้น คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้ติดตามความเคลื่อนไหวและร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล และองค์การอนามัยโลก มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าภาพได้มีการเตรียมมาตรการป้องกันที่ได้มาตรฐานสูงไว้แล้ว ทั้งการคัดกรองภายในประเทศทุกพื้นที่ ทั้งสนามแข่งขัน โรงแรม ที่พักนักกีฬา ให้เป็นไปอย่างเข้มงวด ได้มาตรฐานสูง โดยขอให้นักกีฬาไทยมุ่งมั่นและมีสมาธิกับการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ และหากช่วงนี้มีนักกีฬารายใดที่จำเป็นต้องเดินทางไปแข่งขันต่างประเทศ เพื่อเก็บคะแนนสะสมหรือแข่งคัดเลือก เราก็ได้แนะนำวิธีป้องกัน พร้อมกำชับและเน้นย้ำให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ของแต่ละประเทศอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า กกท. มีบทบาทและหน้าที่ในหลายส่วนงานที่จะต้องดำเนินการ โดยภารกิจที่สำคัญ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาไทย เริ่มตั้งแต่การฝึกซ้อมไปจนถึงเข้าร่วมการแข่งขัน และอีกหนึ่งบทบาทที่มีความสำคัญเช่นกัน คือ การสร้างแรงจูงใจและพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา

กกท. เชื่อมั่นว่าการส่งเสริมให้คนสนใจเล่นกีฬาจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ตลอดจนการสร้างแรงบันดาลใจในการเล่นกีฬาให้คนรุ่นใหม่ และการส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาทีมชาติ เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีในเวทีการแข่งขันระดับโลกอย่างกีฬาโอลิมปิกเกมส์ นั้น จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนากีฬาของเราได้อย่างยั่งยืน การผนึกกำลังร่วมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และพันธมิตรภาคเอกชน ในการนำลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์เข้ามาในประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ร่วมลุ้นร่วมชม และร่วมเชียร์นักกีฬาไทยได้ในทุกช่องทาง ซึ่งครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดในทุกชนิดกีฬารวมทั้งสิ้น 33 ชนิดกีฬา โดยจะถ่ายทอดสดในระบบความคมชัดสูง ผ่านดิจิตอลทีวี และ ถ่ายทอดสดในช่อง T-Sports Channel

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความห่วงใยของทั่วโลกที่มีต่อการแพร่ของโรค COVID – 19 นั้น กกท. ก็มิได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด เราเร่งหามาตรการที่จะสร้างความปลอดภัยต่อนักกีฬาและบุคลากรกีฬาของไทยที่จะเดินทางเข้าร่วมการ แข่งขันในครั้งนี้อย่างดีที่สุด นอกเหนือจากการป้องการที่ดีจากประเทศเจ้าบ้านอย่างญี่ปุ่นแล้ว ยังได้มีการหารือกับอีกหลายภาคส่วน เพื่อสร้างมาตรการป้องกันให้มากขึ้น อีกทั้งยังมีการจัดทำกรมธรรม์ประกันเชื้อไวรัส COVID – 19 ให้กับนักกีฬา และบุคลากรกีฬาต่างๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ยังได้ร่วมมือกับภาคเอกชน ภายใต้แนวคิด Power of Unity ที่นำโดย โตโยต้า ที่จะส่งแรงใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยไปด้วยกัน ภายใต้โครงการ “รวมใจสู่ชัยชนะ” ซึ่งประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆที่ภาครัฐและเอกชนร่วมแรงร่วมใจส่งกำลังใจให้กับทัพนักกีฬาไทย ไม่ว่าจะเป็น การวิ่งธงชาติไทยรวมใจสู่ชัยชนะ ที่เปิดโอกาสให้ชาวไทยได้ร่วมส่งแรงใจอันยิ่งใหญ่ผ่านธงชาติไทยที่จะวิ่งผ่านเส้นทาง 43 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อไปโบกสะบัดในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกเกมส์ หรือมีส่วนร่วมวิ่งโดยผ่านกิจกรรม Virtual Run วิ่งรวมใจสู่ชัยชนะ ได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีการการผนึกกำลังกับเอกชนเพื่อสร้างสรรค์บทเพลงพิเศษ “รวมใจสู่ชัยชนะ” โดยศิลปินนักร้องชั้นนำของไทย เพื่อส่งแรงเชียร์อันยิ่งใหญ่ให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย รวมไปถึงการร่วมชมการถ่ายทอดสดพิธีเปิดมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ไปด้วยกัน ในกิจกรรม Tokyo 2020 Ready to Watch Live Experience Park ในวันที่ 24 – 26 กรกฏาคม 2563

กกท. มั่นใจว่ามหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ ประเทศญี่ปุ่น ในครั้งนี้ ทัพนักกีฬาไทยจะประสบความสำเร็จ และสามารถคว้าเหรียญและชัยชนะมาสู่ประเทศไทยได้อย่างงดงามอีกครั้ง ซึ่งนอกเหนือจากการให้ชาวไทยได้ติดตามชมกีฬาอย่างใกล้ชิดแล้ว กกท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการได้ชมโอลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้ รวมทั้งกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่างๆ ที่ กกท. ได้จัดเตรียมไว้ จะสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนไทยในการพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นนักกีฬาระดับโลก ต่อไป

ผศ.ดร. ภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการ
โทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า กสทช. ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติที่คนไทยมีส่วนเกี่ยวข้องมาโดยตลอด โดยกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ถือเป็น 1 ใน 7 กีฬา ที่กำหนดไว้ในกฎมัสท์แฮฟ (Must Have) ต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวี หรือทีวีดิจิทัล เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ กกท. ในการนำลิขสิทธิ์การแข่งขันมาถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชมผ่านทางดิจิตัลทีวี และ ยังสามารถรับชมในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ทีวีดาวเทียม ตามกฎ Must Have ดำเนินการถ่ายทอดสดโดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือเลือกรับชมผ่านออนไลน์ได้ทาง AIS PLAY ที่จะถ่ายทอดสดทุกชนิดกีฬาตลอดการแข่งขัน ผ่าน 12 ช่องสัญญาณถ่ายทอดสด รวมถึงรับชมการถ่ายทอดสดพิธีเปิดและพิธีปิดครั้งแรกผ่านทางสื่อโฆษณานอกบ้านหรือ จอ Digital Out of home จากแพลนบี ได้อีกด้วย นั่นหมายความว่าโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนก็จะไม่พลาดการรับชมการถ่ายทอดสดอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม 2563 มี 206 ชาติจากทั่วโลกเข้าร่วม ชิงชัยทั้งสิ้น 33 ชนิดกีฬา โดยปัจจุบันมีนักกีฬาไทยได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันแล้วทั้งสิ้น 17 คน ประกอบด้วย พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทควันโด), เศวต เศรษฐาภรณ์ (ยิงเป้าบิน), กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม (เรือใบ), ศิริพร แก้วดวงงาม (วินด์เซิร์ฟ), จุฑาธิป มณีพันธุ์ (จักรยาน), อิศรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร (ยิงปืน), ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ (ยิงปืน), ธันยพร พฤกษากร (ยิงปืน), สุธิยา จิวเฉลิมมิตร (ยิงเป้าบิน), อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข (ยิงเป้าบิน), อาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์ – กรธวัช สำราญ – วีรภัฎ ปิฏกานนท์ (ขี่ม้า), ฐิติสรรค์ ปั้นโหมด (มวยสากล) สุดาพร สีสอนดี (มวยสากล), ใบสน มณีก้อน (มวยสากล) และ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี (มวยสากล)