เสื้อผ้ากีฬา หนึ่งในไอเท็มสำคัญที่คนรักสุขภาพต่างก็ให้ความสำคัญไม่แพ้อุปกรณ์อื่น ๆ ท่ามกลางการแข่งขันกันระหว่างแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ อาทิ ไนกี้ หรือ อาดิดาส ที่ยังคงตีตลาดในเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่มีชื่อเสียงของไทยอย่าง วอริกซ์ หรือ แกรนด์ สปอร์ต ยังมีอีกหนึ่งผู้เล่นที่เพิ่งจะเข้ามาลงสนาม และอาจจะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เติบโตเร็วกว่าที่คิดก็ได้
“พีบี ดีไซน์” (PB Design) คือแบรนด์ที่ว่า ไม่ต้องแปลกใจหากคุณยังไม่เคยได้ยินชื่อดังกล่าว เพราะพวกเขาเพิ่งเริ่มที่จะบุกตลาดมาอย่างจริงจังได้ไม่นาน ภายใต้การบริหารของ “แพรว-เกษตรสุข สุขหงษ์ทอง” และ สามี “บุ๊ค-อาวุธ เอฟวา” ที่หลายคนน่าจะคุ้นชื่อของทั้งสองจากการบริหารทีมฟุตบอล “ร้อยเอ็ด ยูไนเต็ด” มากกว่า
แม้ว่า พีบี ดีไซน์ จะเป็นผู้เล่นใหม่ในสนามของเสื้อผ้ากีฬา แต่พวกเขารู้ดีว่า เป้าหมายของเขาคือใคร ต้องเล่นในสนามนี้ด้วยรูปเกมแบบไหน จึงทำให้แบรนด์ดังกล่าวค่อย ๆ เป็นที่รู้จักในพื้นที่ในภาคอีสานมากเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาเข้าไปให้การสนับสนุนเสื้อผ้าให้กับทีมท้องถิ่นในภูมิภาคนี้ และกำลังจะก้าวเข้าสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นในอีกไม่นาน
ความคาดหมายที่ “เกินคาด”
หากเอ่ยถึงชื่อ “แพรว-เกษตรสุข สุขหงษ์ทอง” คอลูกหนังบ้านเราอาจคุ้นเคยจากบทบาทการบริหารทีมฟุตบอล “ร้อยเอ็ด ยูไนเต็ด” ในฐานะประธานสโมสร
แต่เรื่องที่หลายคนมักไม่ทราบ คือพวกเขาทั้งคู่กำลังฟูมฟักทีมฟุตบอลจากรากหญ้าให้เติบโตไปเรื่อย ๆ ผ่านการทำ “เสื้อทีม” ขายไปพร้อม ๆ กัน
เสื้อทีมที่เรากำลังพูดถึงไม่ใช่แค่เสื้อทีมของร้อยเอ็ด ยูไนเต็ดแต่เพียงอย่างเดียว ที่โดดเด่นด้วยลาย “ผ้าสาเกต” หรือผ้าประจำจังหวัดที่เป็นตัวแทนของคนร้อยเอ็ด
แต่หมายถึงแบรนด์เสื้อกีฬา ที่ถูกสั่งตัด สั่งทำแบบ Made-To-Order ของบริษัทเสื้อผ้าของพวกเขาอย่าง “พีบี ดีไซน์” (PB Design) ที่เริ่มต้นมาจากธุรกิจเล็ก ๆ จากการลองผิดลองถูกมาเรื่อย ๆ ของแพรวและบุ๊ค จนถึงตอนนี้ บริษัทของพวกเขาได้กลายมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาที่ครองตลาดภาคอีสานโดยส่วนมาก ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ “เกินคาด” ไปมากของพวกเขาทั้งคู่
“เราเพิ่งเริ่มทำธุรกิจตรงนี้มาได้ประมาณ 3 ปี เริ่มมาจากร้านเล็ก ๆ เมื่อก่อนเราเคยทำธุรกิจเครื่องสำอางค์ แต่ก็เลิกไป ผ่านตรงนั้นมาเราก็มาเริ่มทำธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ซึ่งตอนนั้นเราทำแบบไม่มีความรู้ ไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลมาก่อน สั่งตัดแล้วก็มาขาย กลายเป็นว่ามันไม่เวิร์กเลย แต่ด้วยความที่แฟนเราเขาทำงานเกี่ยวกับวงการกีฬาฟุตบอล เราก็เลยลองทำเสื้อกีฬาคู่กันไปด้วย
“จาก 6 เดือนแรกที่เราทำ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนรู้จัก พอเราเริ่มศึกษาตลาดเพิ่มมากขึ้น มันเลยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เราไม่คิดว่าจะมาถึงทุกวันนี้ มันเกินคาดแล้วด้วยซ้ำ”
“แพรวเคยไปเรียนเย็บเสื้อ ตอนที่เริ่มทำธุรกิจนี้ใหม่ ๆ เคยคิดจริง ๆ ว่าจะเย็บเอง ลองนึกว่าเดือนหนึ่งมีงานแค่ 100 ตัวก็โอเคแล้ว อยู่ได้แล้ว เราก็ทำกันกับลูกจ้างที่เราดูแลเขามาประมาณ 3 คน แล้วก็มีแฟน รวมกันทั้งหมด 5 คน ตั้งใจจะทำเหมือนร้านพิมพ์ลายเสื้อผ้าทั่วไป แต่พอเริ่มทำไปเรื่อย ๆ งานเพิ่ม คนเพิ่ม สุดท้ายก็ต้องย้ายออกมาจากที่เดิม ที่เป็นแค่อาคารพาณิชย์ 3 ชั้นเอง มันอยู่ไม่ได้แล้ว
“เราเริ่มสร้างโจทย์ให้กับตัวเองว่า ‘เราจะทำยังไงให้มีลูกค้าอยู่กับเราตลอด’ เลยนึกทบทวนถึงจุดแข็งของตัวเอง แล้วก็พัฒนามาตั้งแต่ตรงนั้น”
จุดแข็งที่ว่าของทั้งคู่คือการที่พวกเขารู้ตัวว่าจะทำให้ธุรกิจนี้ให้เติบโตได้อย่างไร ผ่านการลุยตลาด “เสื้อผ้ากีฬา” โดยเฉพาะ ผนวกกับอาชีพอีกด้านหนึ่งในฐานะประธานสโมสรและผู้จัดการทีม กลายเป็นว่านี่คือ “คนทำทีมฟุคบอล” ที่มีอาชีพและธุรกิจหลักเป็น “คนทำเสื้อ” ที่ผลิตงานออกมาอย่างละเอียด ผ่านระบวนการอันพิถีพิถัน ชนิดที่ว่าเย็บผ้าพลาดนิดเดียวก็อาจจะต้องรื้อใหม่หมดเลยก็ได้
กอง(ผ้า)พะเนิน
เสื้อกีฬาทุกตัวที่ พีบี ดีไซน์ ผลิต จะเป็นเสื้อที่ตัดเย็บอย่างละเอียดทุกขั้นตอนผ่านงานฝีมือของช่างเย็บผ้าหลายสิบคนในบริษัทของพวกเขา
สอดคล้องกับไอเดียแรกเริ่มที่แพรวอยากจะทำ ถ้าเธอและสามียังเย็บมือกันเองจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็คิดว่าบริษัทคงไปไม่รอด บุ๊คกล่าวแบบติดตลกว่า “ทำเองน่าจะเจ๊งพอดี” ก่อนที่แพรวจะเสริมต่อว่า
“ช่างส่วนมากจะเป็นช่างที่เคยทำงานอยู่โรงงานในกรุงเทพฯ แล้วต้องการกลับมาอยู่บ้าน งานที่เขาเคยเย็บทางนู้นกับที่เขามาเย็บใหม่มันต่างกัน ก็ต้องมาปรับกันเยอะพอสมควรกว่าจะโอเคขึ้น บางคนเย็บไม่เป็นเลยก็มี
“ลักษณะงานที่อื่นอาจจะเย็บเป็นชิ้นส่วนต่างกันไป เช่น คนเย็บส่วนคอก็จะเย็บเป็นแต่คอ คนเย็บส่วนแขนก็จะเย็บเป็นแต่แขน ไม่ได้ทำทั้งตัว แต่อยู่นี่เราก็เปลี่ยนรูปแบบให้ช่างเย็บทั้งตัว เย็บเยอะมาก เย็บแบบนั้นมา จนสุดท้ายเหมาเต็มตัวได้แล้ว”
นอกจากบริษัทของพวกเขาจะเต็มไปด้วยคนที่ทำงานหลากหลายกันไปตามตำแหน่ง บริษัทของพวกเขายังเต็มไปด้วยเศษผ้าที่เสียจากการเย็บมากมาย รวมถึงเสื้อที่ทำออกมาผิดหรือไม่ได้ตามที่คิดไว้ จนหลายครั้งจะต้องเก็บไว้เพื่อไปขายต่อในไลฟ์ สำหรับการเอาไปใส่ทำอะไรก็ได้นอกจากเตะฟุตบอลหรือเล่นกีฬา
ความผิดพลาดส่วนมากโดยทั่วไปอาจเกิดจากการสื่อสารที่ไม่ตรงกันกับลูกค้า การเข้าใจผิด แต่ไม่ว่าจะผิดมากหรือผิดน้อย ในฐานะคนทำธุรกิจเสื้อผ้าและเพื่อการบริการลูกค้า พีบี ดีไซน์ ก็ “ยินดีแก้ให้เสมอ”
“ถ้าเราทำงานให้ลูกค้าผิด เราก็ต้องทำให้เขาใหม่หมดเลย บางทีอาจมีการคาดเคลื่อนในการตรวจทาน ทั้งจากทางเราหรือจากทางลูกค้า กลายเป็นว่าผลิตออกมา เสื้อออกมาผิด แต่เราก็ทำให้ลูกค้าใหม่อยู่ดี เราอยากให้ลูกค้าประทับใจมากกว่า
“การทำเสื้อกีฬาของเรามันสำคัญทุกขั้นตอน ถ้าผิดไปแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง มันก็มีผลกับการส่งงานให้ลูกค้าทั้งนั้น จะผิดในเรื่องของการออกแบบหรือการเย็บ สุดท้ายมันก็ผิดเหมือนกัน เพราะทุกวันนี้เราก็ยังพลาดกันอยู่ มันเลยไม่มีส่วนไหนที่สำคัญไปกว่ากันเลย ทุกส่วนสำคัญหมด”
ในฐานะคนทำเสื้อ ความท้าทายของงานโดยทั่วไปคือการทำงานออกมาให้ตรงกับบรีฟลูกค้า ทำเสื้อออกมาให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ตามแบบที่วางเอาไว้ หากแต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทั้งคู่จะต้องทำ
เพราะทั้งบุ๊คและแพรว ต่างก็มีอีกบทบาทอีกด้านอย่าง “คนทำทีมฟุตบอล” ซ้อนทับอยู่ด้วย
อาจจะฟังดูเป็นความรับผิดชอบที่ล้นมือพวกเขา แต่เป็นที่น่าสนใจว่าอาชีพทั้งสองด้านนี้ต่างก็เอื้อประโยชน์ให้แก่กัน เปรียบเสมือนกลยุทธ์สำคัญที่พวกเขาใช้พัฒนาสโมสรของตนเองไปด้วยในตัว
ชีวิตสองบทบาท
ความสงสัยประการแรกที่น่าจะผุดขึ้นมาในหัวของใครหลาย ๆ คน คือหากทั้งคู่ทำงานบริหารทีมฟุตบอลด้วยแล้ว อันที่จริงรายได้หลักน่าจะมาจากการแข่งขัน ผ่านการสนับสนุนของสปอนเซอร์ใช่หรือไม่ ? และเป็นส่วนที่จะทำให้ทีมฟุตบอลของพวกเขาเติบโต แต่ความจริงแล้วรายได้หลักของสโมสรฟุตบอลร้อยเอ็ด ยูไนเต็ดที่พวกเขาทำอยู่ มีที่มาจากการขายเสื้อของ พีบี ดีไซน์ ต่างหาก
“การบริหารทีมฟุตบอลแทบจะไม่มีรายได้เลย เราทำเสื้อผ้าเป็นหลัก แล้วก็เอารายได้ส่วนหนึ่งที่ได้จากการทำเสื้อผ้าไปบริหารทีมฟุตบอล แต่สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนการวนเวียนอยู่ในวงการ เพราะรายได้หลักของแบรนด์ก็ยังข้องเกี่ยวกับฟุตบอลอยู่ ส่วนมากจะเป็นลูกค้าที่เตะฟุตบอลมาสั่งเสื้อทีม
การทำเสื้อผ้ากีฬาและบริหารทีมฟุตบอลไปพร้อม ๆ กัน เอื้อประโยชน์ให้แก่การทำธุรกิจ 2 วงการของพวกเขาเป็นอย่างมาก ให้ลองนึกภาพตามว่ามันเหมือนเป็นการทำงานร่วมกันของคนสองคนที่มีความชอบเหมือนกัน จนทำให้การทำงานมีความสนุกและไหลลื่นมากขึ้น
“ถ้าเราไม่ใช่คนทำฟุตบอลด้วยกัน เราคุยกับเขา เขาก็จะไม่ค่อยรับฟังเราแล้ว การทำทีมมันช่วยให้การคุยกับลูกค้าง่ายขึ้น เราไปในฐานะผู้ผลิตเสื้อกับคนทำทีมฟุตบอลด้วยกัน มองผ่านมุมนี้เราจะคุยกันง่ายกว่า ถ้ารู้ว่าเป็นคนกีฬาด้วยกัน เขาก็รู้ว่าจะขออะไรเราได้ง่าย เราก็จะเข้าถึงเขาได้ง่าย กลายเป็นว่ามันไหลลื่นไปหมด ถ้าในอีสานตอนนี้ก็แทบจะทุกทีมแล้วที่สนใจ”
บุ๊คเล่าให้ฟังถึงแง่มุมธุรกิจที่ละเอียดมากยิ่งขึ้นในการบุกตลาดของพวกเขา จนถึงตอนนี้การคุยกัน “ถูกคอ” ของเขาและสโมสรอื่น ๆ เริ่มทำให้โลโก้ของ พีบี ดีไซน์ ไปคาดอยู่บนอกของเสื้อทีมฟุตบอลทีมอื่นนอกจากทีมของพวกเขา อย่าง ราชนาวี เอฟซี ในไทยลีก 2 หรือ ศรีสะเกษ เอฟซี และ สี่แคว ซิตี้ ในไทยลีก 3 มาแล้ว
“จริง ๆ การทำสโมสรก็เป็นการตลาดอย่างหนึ่งของเราเหมือนกัน ส่วนใหญ่คนก็จะรู้จักแบรนด์เสื้อเท่า ๆ กับคนที่รู้จักสโมสร นอกเหนือจากคนที่เล่นฟุตบอลแล้วเราก็ยังรับตัดเสื้อทั่วไปด้วย เป็นเสื้อโรงเรียน เสื้อหน่วยงาน เสื้อองค์กรต่าง ๆ”
การทำสโมสรควบคู่ไปกับการทำธุรกิจเสื้อผ้า ลากไปสู่คำถามต่อไปว่า หากพวกเขาเป็นพันธมิตรกันในด้านเสื้อผ้า แต่ในสนามพวกเขาเป็นคู่แข่งกัน จำเป็นไหมที่พวกเขาจะต้องไม่สนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งหากมองในภาพของธุรกิจเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เหลือไว้แต่เพียงน้ำใจนักกีฬาและการสนับสนุนกันและกันเท่านั้น
“ผมว่ามันไม่เกี่ยวกัน ฐานแฟนบอลก็มีธรรมชาติของมัน อธิบายกันด้วยเหตุด้วยผลให้เขาเข้าใจ เขาก็เข้าใจ ทีมคู่แข่งบางทีมที่มาเจอกับทีมเราใช้เสื้อเราก็มี มันไม่ใช่การพูดทำนองว่า ‘เราเป็นศัตรูกัน ผมไม่สนับสนุนคุณหรอก’ กับฟุตบอลถ้ามองในมุมมองของผู้บริหารยังไงก็แยกกัน”
พีบี ดีไซน์ ถือเป็นแบรนด์เสื้อกีฬาน้องใหม่ที่ยังคงพยายามจะเข้าสู่ตลาดเสื้อกีฬาไทยอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันเบอร์ใหญ่ที่มาจับจองพื้นที่อยู่แล้วก่อนหน้า
พวกเขาไม่พยายามที่จะกระโดดเข้าลุยแบบตรง ๆ ในทางกลับกัน พีบี ดีไซน์ รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเขาคือใคร ก่อนจะก้าวเข้าไปในกระแสนี้อย่างช้า ๆ แต่มั่นคง
ก้าวเข้าสู่กระแสหลัก
วิสัยทัศน์ของทั้งคู่ชัดเจนทั้งในเรื่องของการทำเสื้อและการทำทีมฟุตบอล สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามฟุตบอลมาอย่างยาวนาน อเมเจอร์ลีก ที่มาจากคำว่า “Amateur” หรือที่แปลว่า “มือใหม่” ก็คือลีกฟุตบอลที่ไม่ใช่ลีกหลักของประเทศ แต่ทั้งแพรวและบุ๊คต่างก็ทราบถึงเรื่องนี้ดีและมองว่าจุดนี้ต่างหากที่เป็น “โอกาส” สำหรับเสื้อและทีมของพวกเขา ที่จะผลักดันและสนับสนุนฟุตบอลระดับท้องถิ่นให้เข้าสู่ลีกหลักในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
“ปีนี้ผมอยากให้เราโตขึ้น 1-2 เปอร์เซ็นต์ ในอีกสัก 5 ปี ก็ไปสัก 10-20 เปอร์เซ็นต์ ลีกไทยมี 100 กว่าทีม เราเจาะมาได้ประมาณ 8 แล้ว แบรนด์ใหญ่ก็สนับสนุนอยู่ประมาณ 7-8 ทีมเหมือนกัน ช่วงหลังเริ่มมีแบรนด์ใหม่เข้าไป มันก็อยู่ที่ใครจะชิงพื้นที่การตลาดได้เยอะกว่ากัน”
บุ๊คเล่าให้ฟังถึงเป้าหมายสำหรับ พีบี ดีไซน์ ที่เขาตั้งไว้ ก่อนที่แพรวจะเสริมต่อว่า การขยายตลาดสู่ทีมท้องถิ่นเหล่านี้ จริง ๆ แล้วเป็นพวกเขาที่ให้โอกาสแบรนด์ ไม่ใช่แบรนด์ที่ให้โอกาสพวกเขา
“เราไม่ปฏิเสธสักสโมสรที่ติดต่อเข้ามา ด้วยความที่เขารู้จักพีบี รู้จักแพรว ปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีแรกในการบุกตลาดลีกไทย เราก็ได้รับการตอบรับที่ดีพอสมควร เพราะว่าหลาย ๆ สโมสรก็ได้ให้โอกาสพีบีไปอยู่บนเสื้อของพวกเขา เป็นตัวซัปพอร์ตในทีมเขาเหมือนกัน”
เส้นทางในวงการเสื้อกีฬาของ พีบี ดีไซน์ ดูจะเป็นเส้นทางที่ยาวพอสมควร ไม่ต่างกันกับเส้นทางของสโมสรฟุตบอลของพวกเขา
“เรายอมรับว่าตอนนี้เรายังไม่มีชื่อ ต่อให้เราจะขายเสื้อได้จนมีมูลค่าเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่สุดท้ายคนก็ไม่รู้จัก
“การที่เขาจะรู้จักเราจะต้องมีสื่อ ซึ่งทีมฟุตบอลนี่แหละที่ผมว่าน่าจะตอบโจทย์ มันจะทำให้คนรู้จักพีบีจริง ๆ และเราก็หวังว่าจะไม่ใช่คนที่เล่นกีฬาอย่างเดียว ก่อนหน้านี้จะเป็นเฉพาะคนที่เตะบอลแล้วสั่งเสื้อ แต่พอเข้ามาลีกไทย ลูกค้าเราก็อาจจะไม่ได้มีแค่คนที่สั่งซื้อเสื้อเราแล้ว เขาอาจจะไม่ได้ซื้อ แต่เขาก็รู้จักเรา
“วันหนึ่งแบรนด์เราก็คงจะเป็นที่รู้จักแบบนั้นจริง ๆ”
หากภายใน 6 เดือน เป็นระยะเวลาที่ พีบี ดีไซน์ ได้เติบโตเกินความคาดหมายของพวกเขาไปมาก จนถึงตอนนี้เวลาผ่านมา 3 ปีแล้ว พวกเขาก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะไปได้ไกลมากกว่าเดิม ด้วยการเซ็นสัญญาร่วมเป็นพันธมิตรในการสนับสนุนเสื้อฟุตบอลให้แก่หลาย ๆ ทีมมากขึ้น
ในเวลาอันใกล้นี้ พีบี ดีไซน์ อาจจะเป็นหนึ่งในแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่น่าจับตามองมากที่สุดอีกหนึ่งแบรนด์ก็เป็นได้ จนกว่าจะถึงตอนนั้น หากใครที่อยากได้เสื้อกีฬาแบบ Made-To-Order ที่ละเอียดและพิถีพิถันในการผลิต สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/PB-SHOP-1528212327473822