นันทวัฒน์ สิงห์อุไร : เด็กระเบิดแห่งเจ็ตสกีอาชีพที่คว้าแชมป์โลกตั้งแต่อายุ 15 ปี | MAIN STAND

ตอนอายุ 15 ปี จำได้ไหมว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ ?

 

หลายคนกำลังครุ่นคิดถึงการศึกษาต่อในระดับชั้น ม.ปลาย ว่าคุณจะเลือกเรียนสายไหน ที่ใด ? หรือบางคนอาจกำลังฝึกฝนทักษะการเล่นกีฬา เพื่อหวังประสบความสำเร็จในอนาคต

แต่สำหรับ “บู้น-นันทวัฒน์ สิงห์อุไร” เขาก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนไปสู่การคว้าแชมป์โลกสมัครเล่น 2 รายการในศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก “เวิลด์ ไฟนอล 2018” ที่ เลค ฮาวาซู ซิตี้ รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุแค่ 15 ปีเท่านั้น

ปัจจุบัน “นันทวัฒน์” ในวัย 18 ปี เจ้าของแชมป์ประเทศไทย 4 สมัย ได้เทิร์นโปรกลายมาเป็นนักเจตสกีอาชีพเต็มตัว พร้อมกับความฝันใหม่ ที่อยากไปถึงระดับโลกและไปให้ไกลกว่าที่นักเจ็ตสกีไทยทุกคนเคยไปให้จงได้

เริ่มต้นจากความกลัว 

บ่ายวันหนึ่งเราเดินทางมาที่บึง Hero Jet Club สถานที่ฝึกซ้อมกีฬาทางน้ำชื่อดังของกรุงเทพมหานคร เพื่อนัดพบและพูดคุยกับ “โปร เจ็ตสกี” ดาวรุ่งผู้มีผลงานและฝีไม้ลายมือเกินวัย 

เมื่อพบเจอกัน เราโบกมือทักทายกับคู่สนทนาเล็กน้อย ก่อนที่ “นันทวัฒน์ สิงห์อุไร” จะขอตัวไปเปลี่ยนชุด เพื่อลงไปฝึกซ้อมควบเจ็ตสกีคู่ใจซิ่งไปบนพื้นน้ำ ด้วยลีลาการขับที่ค่อนข้างดุดัน เกรี้ยวกราด ต่างจากบุคลิกยามอยู่บนบกที่ดูมีความเขินอาย เงียบ ๆ ยิ้มง่าย

“ครอบครัวผมทำอาชีพค้าขาย คุณพ่อเป็นคนที่ชอบเจ็ตสกี มีเรืออยู่หลังบ้าน เวลาพ่อไปไหนผมก็ตามไปด้วย แต่ตอนแรกยังไม่กล้าลองขับเจ็ตสกี เพราะรู้สึกว่ามันน่ากลัว” นันทวัฒน์ ที่เสร็จสิ้นภารกิจฝึกซ้อมประจำวัน เผยถึงความทรงจำในวัย 5 ขวบเกี่ยวกับเจ็ตสกี 

เดิมทีก่อนที่ “บู้น-นันทวัฒน์” จะมาเอาดีด้านการขับเจ็ตสกี เขาเคยเป็นถึงอดีตนักเทควันโดระดับสายดำ ผ่านสนามการลงสังเวียนมาบ้าง เพราะฝึกกีฬาการต่อสู้มาตั้งแต่อายุยังน้อย

ส่วน เจ็ตสกี เป็นเหมือนแค่กีฬาที่เขาลองเล่นดู เพราะครอบครัวมีเรืออยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดจริงจังอะไร แต่เพียงแค่ไม่กี่ครั้งที่ “นันทวัฒน์” ได้ลองบิดคันเร่งบังคับเจ็ตสกีให้วิ่งไปตามที่ใจต้องการ กลับกลายเป็นว่าเขาตกหลุมรักชนิดที่หาทางขึ้นไม่เจอ 

ก่อนตัดสินใจหันมาลุยในวิถีทางเจ็ตสกีในเวลาต่อมา และเลิกเล่นเทควันโดไปโดยปริยาย 

“ครั้งแรกที่ขับเจ็ตสกี ผมรู้สึกว่ามันเร็วมาก ควบคุมไม่อยู่เลย ตอนนั้นเป็นเรือประเภทกึ่งนั่งกึ่งยืน แต่พอขับไปเรื่อย ๆ ความกลัวเริ่มหายไป ความสนุกเข้ามาแทนที่” นันทวัฒน์ กล่าว

 

กว่าจะมาเป็นโปร 

ก่อนบทสนทนาแรกของเราจะเริ่มต้นขึ้น สิ่งที่ผมเห็นผ่านสายตาก็คือภาพของเด็กวัยหนุ่มคนหนึ่ง ที่ขะมักเขม้นและตั้งใจกับการฝึกซ้อมเอามาก ๆ 

“ผมเป็นคนที่ซ้อมหนักมาตั้งแต่ลงสนามแข่งครั้งแรกแล้ว” นันทวัฒน์ เผยถึงปัจจัยที่ทำให้เขาก้าวกระโดดมาประสบความสำเร็จได้เร็วทั้งที่อายุยังน้อย นั่นเป็นเพราะความจริงจังในการฝึกซ้อม 

“ครั้งแรกที่ผมได้ลงแข่งเจ็ตสกี ตอนนั้นผมอายุประมาณ 12-13 ปี เป็นรายการที่จังหวัดพังงา แข่งในรุ่นสลาลมแบบจับเวลา ด้วยความที่มันเป็นสนามแรกของผม ปกตินักแข่งทั่วไปเขามาซ้อมกันช่วงกลางวัน ช่วงบ่าย แต่ผมมาซ้อมตั้งแต่เช้า เพราะกลัวหลงทุ่น”

“ผมไม่เคยแข่งมาก่อนในชีวิต ก็เลยจำเป็นต้องจำให้ได้ว่ารูปแบบสนามเป็นอย่างไร ก็เลยตัดสินใจมาซ้อมแต่เช้าเลย”

สนามแรกในชีวิต นันทวัฒน์ สิงห์อุไร ไม่ได้จบลงด้วยชัยชนะ แต่ความพ่ายแพ้นั้นก็ไม่อาจฉุดรั้งใจของเด็กหนุ่มผู้นี้ได้ เพราะในปีต่อมาครอบครัวสิงห์อุไรตัดสินใจพาบุตรชายไปเทรนกับ “อาจารย์ออย” อรรถพล คุณสา อดีตโปรเจ็ตสกีดีกรีระดับแชมป์โลก 3 สมัย 

นันทวัฒน์ ไม่ได้มีช่วงเวลาปิดเทอมพักผ่อนเหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน เพราะช่วง 2 เดือนที่เว้นว่างเรื่องการศึกษา เขาต้องย้ายมาซ้อมที่ อุดรธานี เพื่อเข้าโปรแกรมซ้อมเจ็ตสกีทั้งเช้า กลางวัน เย็น ทุกวัน กับโค้ชอรรถพล คุณสา 

“ตอนนั้นมันเหนื่อยมาก แต่อีกใจก็รู้สึกสนุก เหมือนได้ปลดปล่อย ได้ใช้พละกำลังถูกที่ถูกทาง ไม่ว่าจะซ้อมหนักแค่ไหน หรือช่วงเปิดเทอมที่ต้องซ้อมเจ็ตสกีควบคู่กับการต้องไปเรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นทุกวัน แต่ก็ไม่เคยมีวันไหนเลยที่ผมไม่อยากมาซ้อม ผมซ้อมทุกวัน จนทุกวันนี้มันกลายเป็นสิ่งที่ผมขาดไม่ได้”


“ถึงขนาดที่ว่าวันไหนถ้าพ่อไม่พาไปซ้อม ผมจะงอนพ่อเลย” นันทวัฒน์ กล่าว ก่อนที่คุณพ่อชัยยนต์ สิงห์อุไร ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จะเสริมต่อว่า “คนอื่นเขาซ้อมกันน้ำมัน 20 ลิตร เจ้านี่ซ้อมทีหนึ่งน้ำมัน 40-60 ลิตร เคยท็อปมากสุดซ้อมวันละ 80 ลิตร”

นันทวัฒน์ พูดต่อ “ผมอาจไม่ได้ตั้งเป้าทำเวลาในการซ้อมมาก แต่จะพยายามจะไปให้ได้มากกว่าที่เคยไป เพราะผมรู้ว่าในอนาคตหากคิดจะไปไกลถึงระดับโลก ไปแข่งกับพวกโปร เจ็ตสกี เวิลด์คลาส เราต้องอึดและฟิตมากกว่านี้”

 

เด็กมัธยมฯ ดีกรีแชมป์โลก 

ผลจากความพยายามจากความทุ่มเทอย่างหนักทั้งในสนามซ้อมและสมรภูมิแข่งขัน ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นแรงขับให้ นันทวัฒน์ สิงห์อุไร ก้าวข้ามความผิดหวังในสนามแรกตอนอายุ 13 ปี สู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 

เพียงแค่ปีเดียว นันทวัฒน์ สามารถกลับไปแก้ตัวคว้าแชมป์ประเทศไทยมาครองได้ตั้งแต่อายุ 14 ปี และปัจจุบันเขาเป็น แชมป์ประเทศไทย และ แชมป์คิงส์ คัพ อย่างละ 4 สมัย 

จากนั้นพออายุได้ 15 ปี “นันทวัฒน์” ก็ประกาศศักดาในศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก “เวิลด์ ไฟนอล 2018” ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนันทวัฒน์คว้าแชมป์โลกได้ถึง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นมือใหม่เจ็ตสกียืน (ห้ามแต่งเครื่องยนต์) และแชมป์โลกสมัครเล่นเจ็ตสกียืน คาวาซากิ 1,500 ซีซี (ห้ามแต่งเครื่องยนต์) 

“เวลาออกตัวผมจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนบก พยายามตั้งสติ สมาธิ และไล่ฟัด ไล่เบียด ไล่แซงคู่แข่งให้ได้ ถึงแม้ผมจะเป็นเด็กหน้าใหม่ แต่เวลาอยู่ในสนามแข่ง ผมไม่เคยยอมใครทั้งนั้น ผมสู้เต็มที่ตลอด”


ส่วนถ้วยที่ “นันทวัฒน์ สิงห์อุไร” บอกกับเราว่าภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก และเมื่อได้มันมาครอบครอบก็แทบไม่อยากให้ใครมาแตะโทรฟี่นั้น คือถ้วยแชมป์โลกเจ็ตสกี เวิลด์ ซีรีส์ 2020-2021 เพราะเขาต้องใช้เวลาถึง 3 ปี ในการพยายามพัฒนาศักยภาพของตัวเองกว่าจะได้มา

ซึ่งเป็นรายการที่คัดเอาแชมป์และดีกรีตัวแทนประเทศมาลงสนามแข่งขันกัน ผลปรากฏว่า “นันทวัฒน์” นักซิ่งแชมป์ประเทศไทย สามารถประกาศศักดาคว้าแชมป์โลก ประเภทไม่ปรับแต่งเครื่องยนต์  (Novice Ski Stock)  มาเชยชมได้สำเร็จ ตอนที่อายุแค่ 17 ปีเท่านั้น

ต่อมาเมื่อ นันทวัฒน์ มีผลงานเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ก็ส่งผลให้ทุกวันนี้ นันทวัฒน์ เริ่มมีผู้สนับสนุนเข้าช่วยซัพพอร์ตอย่างต่อเนื่อง แบ่งเบาค่าใช้จ่ายที่ครอบครัวต้องควักเนื้อเองมาก่อนหน้านั้น

สำหรับ นันทวัฒน์ แล้ว รายได้จากสปอนเซอร์และเงินสนับสนุนจากสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยที่ร่วมด้วยช่วยกัน ก็ถือเป็นกำลังใจชั้นดีที่ส่งเสริมให้เขาได้ก้าวเดินในสเตปต่อไปที่เจ้าตัวฝันอยากเป็น “นักเจ็ตสกีอาชีพชาวไทย” ที่ได้ออกไปล่าเงินรางวัลในการเล่นเจ็ตสกีอาชีพทางฝั่งยุโรป, อเมริกา รวมถึงได้ลงแข่งขันในรายการระดับเวิลด์ คลาส สม่ำเสมอ 

โดยในศึกชิงแชมป์โลกครั้งหน้าที่จะกำลังมาถึง “นันทวัฒน์” เตรียมที่ขยับจากประเภทสมัครเล่น ขึ้นมาแข่งในประเภทเจ็ตสกีอาชีพ ดวลกับมือดีชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลก 

นับเป็นย่างก้าวที่น่าสนใจและน่าติดตามสำหรับเด็กระเบิดคนนี้ว่า ในอนาคตข้างหน้าเขาจะไปได้ไกลขนาดไหนในเวทีระดับโลก