สหภพ เนาวบุตร : 8 ปีแห่งการหว่านเมล็ดต้นกล้าลูกหนังที่ศรีสะเกษ | MAIN STAND

สหภพ เนาวบุตร : 8 ปีแห่งการหว่านเมล็ดต้นกล้าลูกหนังที่ศรีสะเกษ | MAIN STAND

บอย – สหภพ เนาวบุตร อาจไม่ใช่ชื่อนักฟุตบอลที่คนทั่วไปคุ้นหูนัก เพราะอดีตแข้งจากจังหวัดศรีสะเกษรายนี้ ไม่เคยก้าวขึ้นมาเล่นบนไทยลีก เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการค้าแข้งในลีกภูมิภาคโดยไม่มีถ้วยแชมป์ใดเป็นรางวัลติดมือ

แต่บางครั้งสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้วัดกันที่ความสำเร็จเสมอไป เพราะ สหภพ เนาวบุตร ได้กลายเป็นบุคคลที่ก้าวไปสร้างแรงบันดาลใจแก่นักฟุตบอลรุ่นหลังในบ้านเกิดผ่าน “โครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวน” คลินิกฟุตบอลที่ช่วยเหลือเด็กชาวศรีสะเกษที่ขาดโอกาส ให้เข้าใกล้ความฝันการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมากยิ่งขึ้น 

โครงการที่เขาดำเนินการมาอย่างยาวนานกว่า 8 ปีแล้ว เราเดินทางมายังจุดเริ่มต้นของความฝัน เพื่อรับรู้แรงผลักดันสำคัญที่ก่อให้เกิดโครงการนี้ นั่นคือ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของ สหภพ เนาวบุตร ด้วยตัวเอง

เพราะเคยขาด จึงอยากมอบโอกาส

เสียงเจื้อยแจ้วจากเด็ก ๆ ที่เริ่มมารวมตัวกันบนลานดินเขตบ้านหว้าน ตำบลน้ำคำ อำเภอเมืองศรีสะเกษ คือสัญญาณของเกมกีฬาฟุตบอลที่กำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่อึดใจ ภายในสนามดิน “โอลด์ แทรฟฝุ่น” ที่ตั้งชื่อล้อกับสนามเหย้า “โอลด์ แทรฟฟอร์ด” ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

สหภพ เนาวบุตร เฝ้ามองต้นกล้าเลือดศรีสะเกษโลดแล่นบนเกมลูกหนังด้วยเท้าเปล่า ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าชวนให้เขานึกถึงประสบการณ์และความรู้สึกของตนในวัยเด็ก วันที่ สหภพ วิ่งไล่ลูกบอลบนท้องนา ด้วยความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

“สมัยเด็ก ผมเป็นคนชอบฟุตบอลมาก ที่จำได้คือ ผมเห็นอะไรเป็นกลม ๆ ไม่ว่าจะเป็น ถุงกระดาษ ถุงพลาสติก ผมจะชอบเอามาเล่นเป็นลูกฟุตบอล” สหภพ เริ่มต้นเล่าเรื่องราวในวัยเด็กของตัวเอง

“มันทำให้ผมปลูกฝังตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ทั้งที่ครอบครัวไม่มีใครชอบฟุตบอล แล้วในหมู่บ้านก็ไม่ค่อยมีใครเป็นนักฟุตบอล ไม่มีใครเป็นต้นแบบเรา”

“ส่วนมากจะเตะฟุตบอลตามทุ่งนา เพราะว่ามีเพื่อน ๆ ในหมู่บ้าน 4-5 คน ก็มารวมตัวเตะกันในทุ่งนาแบ่งข้างกัน หรือถ้าวันไหนไม่มีเพื่อนมาเล่น ผมก็จะเล่นคนเดียวตามที่ว่าง”

สมุดทุกเล่มที่คุณครูมอบให้เพื่อทำการบ้าน “สหภพ” ในวัยเด็กนำมาขีดเขียนเป้าหมายที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพลงบนหน้ากระดาษ 

ความรู้สึกขาดแคลนโอกาสที่รับรู้ในวัยเด็ก คือปมที่เกาะติดหัวใจของสหภพมานานแสนนาน เขาบอกกับตัวเองว่า หากวันหนึ่งเขาประสบความสำเร็จบนเส้นทางฟุตบอลดั่งฝัน เขาจะลดปมด้อยที่รู้สึกมาทั้งชีวิตด้วยการช่วยเหลือไม่ให้เยาวชนศรีสะเกษคนใดต้องพบเจออุปสรรคเช่นนี้อีก

“ผมไม่ใช่ครอบครัวที่มีเงิน ไม่ใช่ครอบครัวที่สามารถซื้อลูกบอลในราคา 300-400 บาทได้ ผมเห็นครอบครัวอื่นถ้าอยากได้ลูกบอลเขาก็ไปซื้อเลย แต่ตัวเราต้องอ้อนวอนขอ” 

“กว่าจะได้ลูกฟุตบอลหนึ่งลูก ผมร้องไห้สามวันสามคืน ต้องแลกกับการลงไปดิ้นกับพื้นดินถึงจะได้ อยากไปดูฟุตบอลอาชีพเตะสักแมตช์ผมยังไม่มีรถไป ค่าตั๋ว 20 บาทก็ไม่มีเงินจ่าย”

“แต่แค่นั้นก็โคตรมีความสุขแล้วนะ ผมยังจำความรู้สึกได้เลยว่า เมื่อได้เห็นคนเล่นฟุตบอลในอีกระดับหนึ่ง มันเป็นความฝันที่เราอยากเป็นแบบนั้นบ้าง”

“มันเลยเป็นปมว่า ถ้าวันหนึ่งผมเติบโตขึ้น ผมต้องมีให้ได้ ซึ่งโอกาสมันก็ยากอยู่แล้วจากพื้นฐานครอบครัว มันเป็นอุปสรรค และเมื่อเราโตขึ้นมาแล้วมองเห็นภาพตัวเองตอนเด็ก เลยเข้าใจความรู้สึกของเด็กว่า มันคงจะมีเด็กหลายคนในหลายพื้นที่ที่รู้สึกแบบเรา เขาอยากมีลูกฟุตบอล เขาอยากมีนักฟุตบอลอาชีพเข้าไปสอนฟุตบอล เข้าไปสร้างแรงบันดาลใจให้เขา”

“เมื่อถึงวันที่ผมมาอยู่ในอีกจุดหนึ่งแล้ว ผมก็อยากไปเติมเต็มให้นักฟุตบอลรุ่นหลังที่มีความรู้สึกแบบนั้น มันจึงมาเกิดเป็นโครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวน”

กำเนิดโครงการเพื่อบ้านเกิด

สหภพ เข้าใกล้กับความฝันการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมากขึ้น หลังความสามารถด้านลูกหนังของเขาโดดเด่น จนถูกคัดเลือกเป็นหนึ่งในนักเตะเยาวชนประจำทีมจังหวัดศรีสะเกษและได้เดินทางไปแข่งทั่วภาคอีสาน รวมถึงกรุงเทพมหานคร เพื่อตระเวนลงแข่งขันรายการใหญ่ ทั้ง ฟุตบอลโค้กคัพ หรือ ควิก จูเนียร์ฟุตซอล

ผลงานตรงนี้ช่วยให้ สหภพ ได้โอกาสศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี แต่ด้วยจุดเริ่มต้นที่ไม่ได้มาจากอคาเดมีสโมสร หรือ โรงเรียนชื่อดังในเมืองหลวง 

นักฟุตบอลจากจังหวัดศรีสะเกษจึงต้องตระเวนหิ้วรองเท้าไปคัดตัวตามทีมต่าง ๆ ก่อนจะลงเอยกับสโมสรระยอง เอฟซี ทีมดังจากภาคตะวันออกที่ตัดสินใจยื่นสัญญาเงินเดือน 4,000 บาท ให้ สหภพ พิจารณา

“ตอนแรกผมวาดฝันไว้สูงพอสมควร คิดไว้ว่าเซ็นสัญญาครั้งแรกเงินเดือนต้องสักหมื่นห้า เพราะฟุตบอลลีกภูมิภาคกำลังบูมมาก ๆ ผมนั่งรถจากมหาลัยไประยองด้วยความคิดที่ว่าน่าจะได้เงินเยอะพอสมควร แต่เขายื่นมาสี่พัน เบี้ยซ้อมอีกวันละสี่ร้อยบาท ผมก็คิดในใจว่า ทำไมให้น้อยจัง นี่บอลอาชีพนะ” สหภพ เล่าแบบติดตลกถึงก้าวแรกบนเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ

“แต่ความจริงผมไม่ได้โฟกัสเรื่องเงินเดือนขนาดนั้น มันมีความสุขกับการได้เซ็นสัญญามากกว่า ความรู้สึกแบบเราเล่นให้ระยอง เอฟซี นะ มันโคตรเท่เลย เพราะความฝันของผมคืออยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ผมไม่เคยฝันว่าเราต้องเล่นบอลเพื่อมีเงินแสน มันไม่ใช่แบบนั้น” 

“เขายื่นสัญญาหนึ่งปีมาให้เรา มันจึงรู้สึกว่า เฮ้ย เราเดินมาถึงฝันแล้ว สิ่งที่ผมต้องโฟกัสต่อไปจึงเป็นเรื่องความมุ่งมั่น เราจะสร้างมูลค่าให้ตัวเองได้อย่างไร เราจะต้องทำอย่างไรถึงจะชนะใจโค้ช เราต้องทำอย่างไรถึงจะเพิ่มเงินเดือนตัวเองจากสี่พันบาทได้ มันเหมือนเราท้าทายตัวเอง”

หากมีความมุ่งมั่นตั้งใจความสำเร็จย่อมไม่ไกลเกินฝัน สหภพ สามารถพัฒนามูลค่าของตัวเองจนกลายเป็นแข้งคนสำคัญของทีมระยอง เอฟซี และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพาทีมเลื่อนชั้นสู่การแข่งขันดิวิชั่น 1 เมื่อปี 2012 และได้โอกาสลงเล่นฟุตบอลลีกรองของประเทศไทยในปีถัดมา

แม้จะประสบความสำเร็จกับทีมฟุตบอลดังแห่งภาคตะวันออก อย่าง ระยอง เอฟซี (และ ปลวกแดง ยูไนเต็ด ในภายหลัง) 

แต่ความฝันหนึ่งที่อยู่ในใจของสหภพ คือการลงเล่นให้กับ ศรีสะเกษ เอฟซี ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของนักฟุตบอลชาวไทยที่มักมีความต้องการลงเล่นให้กับทีมฟุตบอลบ้านเกิด โดยถือเป็นการตอบแทนภูมิลำเนาที่ปลุกปั้นเขาจนเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

น่าเสียดายที่เส้นทางลูกหนังของสหภพห่างไกลเกินกว่าจะมาบรรจบกับทัพกูปรีอันตราย ความผูกพันระหว่างตัวเขากับบ้านเกิดจึงไม่มากเกินไปกว่า ที่พักใจยามปิดฤดูกาล 

สหภพไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการสังสรรค์และพบปะกับเพื่อนฝูง แม้ในใจของเขาจะรู้ดีว่า นักฟุตบอลเลือดศรีสะเกษคนนี้ สามารถสร้างประโยชน์แก่ท้องถิ่นได้มากกว่านั้น


“ผมคิดโครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวนขึ้นมาโดยคิดว่า มันไม่จำเป็นเสมอไปที่เราต้องกลับมาตอบแทนบ้านเกิดในฐานะนักฟุตบอลอาชีพของสโมสรศรีสะเกษฯ แต่ผมสามารถกลับมาตอบแทนบ้านเกิดของเราด้วยการสอนฟุตบอลให้กับเด็กที่ขาดโอกาส” สหภพ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวน

“ผมมองว่าเด็ก ๆ ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษยังขาดโอกาส ด้วยความที่จังหวัดเป็นเมืองกีฬา แต่เด็กในพื้นที่ยังขาดคนที่จะเดินไปจุดไฟ ไปเต็มเติมแรงบันดาลใจ ไปมอบอุปกรณ์ ไปสอนฟุตบอล เพื่อให้เขาเข้าใจว่า การก้าวเป็นนักฟุตบอลอาชีพต้องทำอย่างไร ต้องตั้งใจแบบไหนบ้าง”

“เด็กอาจอยากเล่นให้ ศรีสะเกษ เอฟซี หรือมีนักฟุตบอลคนอื่นเป็นไอดอล หน้าที่ของผมคือเข้าไปเป็นสื่อกลาง เป็นต้นแบบให้พวกเขาเห็นว่า ผมไม่ใช่คนที่เก่งนะ แต่ผมก็เป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ ผมมีรูปร่างเล็ก ผมก็เป็นนักฟุตบอลอาชีพได้” 

“ผมไปสร้างแรงบันดาลใจให้เขาเห็นว่า ‘นักฟุตบอลมันเป็นได้’ มันไม่ได้ไกล แต่ว่าถ้าเราไม่เข้าไปเขาไกลโอกาสแน่นอน เพราะมันยากที่จะมีคนเข้าไปหยิบยื่นโอกาสให้เขา”

คงอยู่ได้ด้วยความศรัทธาและตั้งใจจริง

โครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวน จึงก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง และเริ่มต้นเดินทางสร้างโอกาสแก่เยาวชนตามพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2013 

ลักษณะของโครงการจะแบ่งเป็น คลินิกฟุตบอล 2 วัน 1 คืน โดย สหภพ และทีมงาน ที่จะเดินทางไปยังแต่ละอำเภอในจังหวัดศรีสะเกษที่แตกต่างกันไปในแต่ละปี เพื่อเปิดโปรแกรมสอนฟุตบอลแก่เยาวชนในพื้นที่ในแต่ละโรงเรียน รวม 300-400 คน

กิจกรรมในวันแรกจะเป็นการสันทนาการเพื่อละลายพฤติกรรม พร้อมกับพูดคุยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในช่วงเช้า ก่อนจะเข้าสู่การฝึกซ้อมในช่วงบ่าย ส่วนวันที่สองจะเป็นการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบ ก่อนปิดโครงการด้วยการมอบลูกฟุตบอลและอุปกรณ์กีฬาแก่โรงเรียนในพื้นที่ รวมถึงมีการมอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนในโครงการ

หากนับจากวันแรกที่ สหภพ เริ่มต้นการแบ่งปันและสร้างแรงบันดาลใจแก่นักฟุตบอลรุ่นหลัง โครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวน เดินทางผ่านปีที่ 8 ของตัวเองมาแล้วเรียบร้อย ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็แสดงให้เห็นว่า เยาวชนที่เข้าร่วมโปรแกรมได้รับประโยชน์อย่างที่ผู้จัดทำโครงการตั้งใจไว้จริง

“ทางเรามีการติดตามผลของโครงการจากโรงเรียน ซึ่งเราเห็นว่า เด็กที่ไม่เคยเล่นฟุตบอล ก็เริ่มมาเตะฟุตบอลในช่วงพักเที่ยง หรือนัดกันมาเตะบอลในช่วงเย็น มันทำให้เห็นว่าการตื่นตัวของพวกเขามีมากขึ้น เหมือนตัวเขามีไฟในใจขึ้นมา อย่างน้อยเด็กก็ขยับมาเล่นฟุตบอลกันมากขึ้น”

“ตอนนี้เราทำโครงการปีละครั้ง เพราะเมื่อก่อนผมยังเล่นฟุตบอล จึงเอาเวลาว่างปลายปีที่ว่ามาทำโครงการ ซึ่งตอนนี้ผมเลิกเตะบอลแล้ว ก็เคยคิดจะทำปีละ 2-3 ครั้ง ด้วยงบประมาณที่ตกปีละ 3-4 แสนบาท” 

“ไม่ว่าจะเป็นค่าเสื้อเด็ก อุปกรณ์กีฬา ทุนการศึกษา ลูกฟุตบอล อุปกรณ์กีฬาทั้งหมด ค่าบำรุงสถานที่มอบให้กำโรงเรียน ค่าวิทยากร ค่าเดินทาง อะไรหลายอย่าง มันทำให้เราต้องหาเงิน เพราะทุกอย่างในโครงการฟรีหมด เด็กไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย”

“อีกอย่างคือพลังผมด้วย ถ้าผมทำบ่อย ๆ พลังมันก็หมดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแต่ละครั้งผมต้องรวบรวมพลังก่อนไปทำ เพราะการทำโครงการนี้มันใช้พลังเยอะพอสมควร ก็เลยคิดว่าปีละครั้งน่าจะดีที่สุด แต่คงใช้เวลาเยอะพอสมควรกว่าจะครบตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เพราะศรีสะเกษมี 22 อำเภอ ถ้าจะไปทุกอำเภอต้องใช้เวลา 22 ปี”

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่กิจกรรมการกุศลสักโครงการจะยืนหยัดอยู่ได้นานขนาดนี้ ทั้งที่ตัวผู้จัดทำเป็นเพียงอดีตนักฟุตบอลที่ไม่ได้มีทุนทรัพย์ล้นฟ้า แต่ด้วยความตั้งใจจริงที่อยากช่วยเหลือเยาวชนในบ้านเกิดของสหภพ ทำให้มีคนจากทั้งในและนอกวงการฟุตบอลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวน

ไม่ว่าจะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ณัฐวุฒิ คำรินทร์, ศิลา ศรีกำปัง, อดิศักดิ์ ศรีกำปัง หรือ อัครวินท์ สวัสดี 

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นนักเตะที่เคยส่งมอบเสื้อให้โครงการนำไปประมูลในท้องตลาด เพื่อหาเงินทุนมาหมุนเวียนให้โครงการเดินต่อไปได้ นอกจากนี้ยังมีภาคส่วนอื่น ๆ ที่คอยสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ช่วยให้โครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวนยังคงมีลมหายใจมาถึงทุกวันนี้

“มันเป็นเรื่องของความเชื่อใจด้วยนะสำหรับโครงการนี้ เพราะรายได้หลักมาจากการประมูลเสื้อของนักฟุตบอลไทย การที่โครงการจะอยู่ได้มันต้องมาจากความทุ่มเทของคนทำ คือเขาต้องเชื่อใจเรา เมื่อบวกกับภาพที่ออกไป มันทำให้คนสนใจ มีการตอบรับที่ดีขึ้น ทำให้คนที่เขาอยากมาช่วยเขาเชื่อมั่นว่า นี่เป็นโครงการที่มอบและสร้างโอกาสให้กับน้อง ๆ จริง”

“การจะทำโครงการแบบนี้สักโครงการหนึ่งมันจะใช้แค่ความอยากทำไม่ได้ คุณต้องเสียสละ คุณต้องมีความรัก คุณต้องเข้าถึงมันด้วย ผมยืนตากแดดสองวันเต็ม ถ้าใจไม่รัก ถ้าไม่เข้าใจเด็ก ถ้าไม่เสียสละ มันทำไม่ได้” 

“แต่ด้วยความที่มันเป็นความรู้สึกผมตั้งแต่ตอนเด็กว่า ผมอยากได้แบบนี้ ผมอยากมีนักฟุตบอลมาสอนให้ ผมเข้าใจว่าเด็กต้องการอะไร มันจึงทำให้เรามีความสุขในจุดนั้น”

“ถามว่าเหนื่อยไหม ผมก็เหนื่อยนะ แต่มันเป็นความเหนื่อยแบบชอบที่จะทำ เพราะว่าผมรักไง บางครั้งเราก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า คนจะแฮปปีกับสิ่งที่เราทำอยู่ไหม สิ่งที่เราทำอยู่มันตลกไหม มันก็มีคำถามที่เกิดขึ้น” 

“เมื่อไหร่ที่ผมรู้สึกไม่มีพลัง ผมจะชอบไปดูภาพเก่า ๆ คอมเมนต์เก่า ๆ ซึ่งคนก็ยังถามถึงโครงการว่า ปีนี้ไม่จัดเหรอ ปีนี้จัดที่ไหน ปีนี้จัดเมื่อไหร่ เรื่องเหล่านี้มันก็ทำให้เรามีพลัง ผมทำโครงการตรงนี้เด็กได้ประโยชน์นะ มันไม่มีใครได้ประโยชน์เลยนอกเหนือจากพวกเขา ผมเลยคิดว่าโครงการนี้มันสามารถไปต่อได้ สามารถเป็นพลังให้เราได้”  

“ถ้าจะเหนื่อยมันก็เหนื่อยแค่เล็กน้อย เหนื่อยแค่แป๊บเดียว แต่พอเห็นคนอื่นให้ความสนใจ ศรัทธาในตัวเรา มีหลากหลายอาชีพมาช่วยโครงการ ทั้ง นักข่าว พยาบาล ทนายความ แทบทุกอาชีพให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราทำ”

“โครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวน คือ ทุกอาชีพที่เสียสละ ทุกคนเดินทางมาจากแต่ละพื้นที่ แต่ละฝ่ายไม่ใช่คนศรีสะเกษเลย แต่พวกเขามาด้วยความอยากมอบโอกาส ซึ่งทุกคนพูดเหมือนกันว่า โครงการเป็นประโยชน์มากเพราะมันไม่มีใครทำ นี่เป็นพลังที่ช่วยให้ผมทำต่อไปเรื่อย ๆ เพราะคนทุกอาชีพเข้ามาให้กำลังใจ”

“ถ้าตัวเราล้มทุกคนก็ไม่ไปต่อ ผมต้องเติมพลังให้ตัวเองด้วย เพราะผมรู้ว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร”

สหภพ เนาวบุตร ไม่ใช่นักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จในระดับแถวหน้า แต่ความมุ่งมั่นบนเส้นทางแห่งความฝันและความพยายามเพื่อจะก้าวไปให้ถึงจุดนั้นของเขามีไม่แพ้ใคร ในวันนี้ที่เขาบรรลุเป้าหมายของตนจนหมดสิ้น จึงถึงเวลาที่จะส่งต่อโอกาสที่เขาเคยขาดแก่นักฟุตบอลรุ่นหลังต่อไป

โครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวน จึงเป็นมากกว่าการตอบแทนบ้านเกิด แต่ยังเป็นการสร้างอนาคตแก่เยาวชนในจังหวัดศรีสะเกษที่มีความฝันอยากเป็นนักเตะอาชีพ ลูกฟุตบอล หรือ คำสอนที่สหภพมอบให้เด็ก ๆ วันนี้ อาจเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนพวกเขาจากซูเปอร์สตาร์บนพื้นนาให้สามารถหาเงินเลี้ยงชีพและครอบครัวด้วยกีฬาฟุตบอลได้ในอนาคต

“ผมอยากเห็นโครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวนเดินไปทุกตำบล เดินทางไปให้ความรู้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมอยากเห็นเด็กที่สนใจฟุตบอลได้มีความรู้ อยากให้เด็กในจังหวัดศรีสะเกษหรือทุกที่ที่ผมไปได้ประโยชน์จากผม นั่นคือการสร้างแรงบันดาลใจ” สหภพ กล่าวทิ้งท้าย ถึงเป้าหมายที่อยากเห็นจากโครงการหว่านเมล็ดกล้าลำดวน

“เหนือสิ่งอื่นใด ผมอยากเห็นเด็กศรีสะเกษเล่นกีฬาแล้วมีรายได้สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ เพราะคนในพื้นที่ชนบทส่วนมากฐานะไม่ค่อยดี แต่ผมอยากให้เขาใช้ทักษะที่เขามีหารายได้เหมือนที่ผมเคยทำ เพราะผมประสบความสำเร็จจากการเล่นฟุตบอล มีทุกวันนี้ก็เพราะฟุตบอล ไม่ใช่เพราะอย่างอื่นเลย”

“สิ่งที่ผมอยากเห็นที่สุดคือ การได้เห็นสิ่งที่พวกเขาเล่น สิ่งที่พวกเขารัก มันกลายเป็นอาชีพได้ เพราะมันจะไม่ได้เปลี่ยนแค่ตัวเขา แต่ยังสามารถยกระดับครอบครัวของเขาให้มีอยู่มีกิน มีฐานะที่ดีขึ้น เพราะผมทำมาแล้ว เห็นมาแล้วว่า กีฬาสามารถทำได้ ถ้าเรารักมันจริง ๆ”