ทริคเลือกรองเท้า พร้อมฟิตร่างกาย

อุปกรณ์และสิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับคนที่ชื่นชอบการวิ่ง นั่นก็คือ “รองเท้าวิ่ง” นอกจากเราจะเลือกจากดีไซน์ที่ชอบแล้ว ควรเลือกที่ฟังก์ชั่นที่ซับพอร์ตสุขภาพของเรา โดยเฉพาะบริเวณช่วงล่าง เพื่อลดการบาดเจ็บและทำให้การวิ่งของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น

7 ทริคเลือกรองเท้า

1. เลือกซื้อรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ
เนื่องจากการวิ่งคือการลงน้ำหนักที่เท้าซ้ำๆ เป็นเวลานาน รองเท้าวิ่งจึงออกแบบมาเพื่อรับแรงกระแทกได้ดี และมีน้ำหนักเบา เหมาะสมกับการวิ่งโดยเฉพาะ

2. วิธีเลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะกับประเภทฝ่าเท้าของเรา
ฝ่าเท้า (Foot Arch) ของแต่ละคนมีลักษณะที่แตกต่างกัน เราสามารถตรวจสอบประเภทฝ่าเท้าของเราเองได้โดยทำเท้าให้เปียก และวางเท้าลงบนกระดาษ วางให้เต็มฝ่าเท้า ทิ้งไว้สักครู่แล้วนำเท้าออก เพื่อดูรอยเท้าของเราบนกระดาษ
โดยลักษณะของฝ่าเท้าแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
* เท้าปกติ (Normal Arch) ช่วงกลางของรอยฝ่าเท้าบนกระดาษ มีรอยคอดแต่ไม่มาก ประมาณครึ่งหนึ่งของฝ่าเท้า
* อุ้งเท้าสูง (High Arch) ช่วงกลางของรอยฝ่าเท้าบนกระดาษ มีรอยคอดเว้าชัดเจน แสดงว่าช่วงกลางของฝ่าเท้า ลอยจากสูงจากพื้น
* เท้าแบน (Flat Arch) ช่วงกลางของรอยฝ่าเท้าบนกระดาษแทบจะไม่มีรอยคอดเว้าเลย แสดงว่าช่วงกลางของฝ่าเท้าแบนแนบกับพื้น

ประเภทเท้าปกติและอุ้งเท้าสูง เป็นรูปแบบฝ่าเท้าที่ไม่ค่อยมีปัญหาและเกิดอาการบาดเจ็บในการลงน้ำหนักเท้าเท่ากับเท้าแบน เพราะลักษณะของเท้าแบนเวลาวิ่งข้อเท้าจะบิดเข้าด้านใน ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้นการเลือกรองเท้าวิ่งสำหรับผู้ที่มีลักษณะเท้าแบน ควรเลือกรองเท้าที่มีส่วนเสริมบริเวณอุ้งเท้า เพื่อให้ฝ่าเท้ามีส่วนเว้ามากขึ้น

3. เลือกขนาดรองเท้าวิ่งให้พอดี
ควรเลือกรองเท้าวิ่งที่มีขนาดพอดี โดยให้ปลายรองเท้า ยาวกว่านิ้วที่ยาวที่สุดประมาณครึ่งนิ้ว ด้านหน้ารองเท้าเหลือที่ว่างเล็กน้อย เพื่อป้องกันอาการห้อเลือดที่เล็บจากการกระแทกขณะวิ่งได้ และอีกเทคนิคในการเลือกซื้อรองเท้าวิ่ง เราควรเลือกซื้อในช่วงเย็น เพราะช่วงเย็นเท้าของเราจะขยายเต็มที่จากการใช้งานมาทั้งวัน เพราะเนื่องจากเวลาที่เราวิ่ง เท้าจะขยายใหญ่ขึ้นนั่นเอง

4.เลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการวิ่ง
เนื่องจากรองเท้าวิ่งแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์นั้น ออกแบบมาเพื่อรองรับลักษณะการวิ่งและสภาพพื้นผิวเส้นทางที่วิ่งแตกต่างกัน

เน้นวิ่งระยะไกล ควรเลือกรองเท้าที่มีส่วนรองรับแรงกระแทก (Cushion) ที่ดี เพื่อซัพพอร์ตการวิ่งเป็นเวลานาน

น้นวิ่งเทรล ซึ่งสภาพพื้นผิวในการวิ่งเป็นพื้นที่ขรุขระ รองเท้าสำหรับวิ่งเทรลจึงมีพื้นรองเท้าที่มีดอกยื่นออกมา เพื่อช่วยในการเกาะพื้นผิวและกันลื่น

5. รองรับแรงกระแทกได้ดี
รองเท้าวิ่งที่ดี ควรมีคุณสมบัติรองรับแรงกระแทกได้ดี มีการออกแบบพื้นรองเท้าที่หนานุ่ม ไม่ก่อให้เกิดอาการเมื่อย หรือเจ็บปวดขณะวิ่ง สวมใส่สบายขณะวิ่ง

6. รองเท้าน้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดี
อีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการวิ่ง ก็คือน้ำหนักของรองเท้า หากเป็นรองเท้าที่น้ำหนักเบาก็จะไม่รู้สึกหน่วงเท้าวิ่งได้เร็วและสบายขึ้น นอกจากน้ำหนักเบาแล้ว รองเท้าควรมีการระบายอากาศที่ดีด้วย เพราะการวิ่งระยะไกล หากรองเท้าไม่สามารถระบายอากาศได้อย่างเหมาะสม จะทำให้เกิดปัญหาจากความอับชื้น ไม่สบายเท้า

7. มีความยืดหยุ่นที่เหมาะสม
หากรองเท้าที่มีความยืดหยุ่นในแบบที่พอดีกับสรีระของเท้า จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บได้ เช่น ไม่ทำให้ข้อเท้าพลิกได้ง่ายขณะวิ่ง โดยคุณสามารถทดสอบความยืดหยุ่นของรองเท้าก่อนซื้อง่ายๆ ด้วยการจับปลายรองเท้างอขึ้นด้านบน เพื่อสังเกตว่ารองเท้ามีความยืดหยุ่นมากน้อยแค่ไหน หากปลายรองเท้ามีความแข็งมากเกินไป จะทำให้รองเท้าไม่ยืดหยุ่น และไม่รองรับสรีระของเท้าขณะวิ่ง

อ้างอิง : FIT ME SPORTSWEAR