ออกกำลังกาย เวลาไหนที่ใช่

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องเวลากับการออกกำลังกายว่าให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน บ้างก็บอกว่าออกตอนเช้าดีกว่า บ้างก็บอกว่าตอนเย็นดีที่สุด สรุปแล้วช่วงเวลาไหนกันแน่ที่จะดีและเหมาะกับเราที่สุด

ก่อนที่จะให้ตอบว่า ออกกำลังกายช่วงเวลาไหนดีที่สุด ไปดูข้อดี ข้อเสีย และข้อควรปฏิบัติของการออกกำลังกายในแต่ละช่วงเวลากัน

ออกกำลังกายช่วงเช้า
ข้อดี : กระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานได้เต็มที่ตลอดทั้งวัน ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า พร้อมเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสดชื่น

ข้อเสีย : หากพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียกว่าเดิม
รวมทั้งยังเพิ่มโอกาสเกิดการบาดเจ็บได้มากขึ้น เนื่องจากในช่วงเช้าอุณหภูมิจะต่ำที่สุด จึงส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บในขณะที่ออกกำลังกายได้ และยังทำให้ตับทำงานหนัก เนื่องจากช่วงที่เรานอนหลับ ตับก็ยังคงทำงานอยู่ เมื่อตื่นนอนเราจะไม่มีพลังงานเหลืออยู่ในหลอดเลือดเพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย และตับก็จะต้องดึงสารอาหารที่เก็บสะสมไว้ออกมาใช้เป็นพลังงาน ทำให้ตับทำงานตลอดเวลาไม่มีการหยุดพัก

ทริคในการออกกำลังกายตอนเช้า : ควรทานอาหารก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย อาจเป็นอาหารเบาๆอย่าง กล้วย แซนวิชด์ หรือไข่ต้ม และควรwarm-upให้นานกว่าช่วงเวลาอื่นอย่างน้อย10 – 15 นาที เพื่อลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และสิ่งสำคัญควรพักผ่อนให้เพียงพอ

ออกกำลังกายช่วงกลางวันหรือบ่าย
ข้อดี : ระบบการหายใจในช่วงบ่ายจะทำงานได้ดีกว่าในช่วงอื่นของวัน เนื่องจากระดับฮอร์โมนและการไหลเวียนของเลือดที่สูงกว่าในช่วงเช้าและอยู่ในระดับปกติ ทำให้สามารถออกกำลังกายได้มากและไม่จำเป็นต้องwarm-upนาน เพราะร่างกายมีอุณหภูมิที่อบอุ่นเพียงพอ

ข้อเสีย : ช่วงเวลานี้อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากในช่วงเที่ยงระบบหายใจที่มีประสิทธิภาพลดลง 15 – 20 % และเป็นช่วงเวลาที่มีเวลาจำกัด อาจทำให้ออกกำลังกายได้น้อยกว่าที่ควรได้

ทริคการออกกำลังกายช่วงกลางวันหรือบ่าย : หลีกเลี่ยงออกกำลังกายช่วงตรง ควรข้ามไปออกช่วงบ่ายเลยจะดีต่อระบบหายใจมากกว่า และควรวางแผน จัดสรรเวลาให้ดี จะได้ใช้เวลาออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

ออกกำลังกายช่วงเย็น – ค่ำ
เป็นช่วงเวลาที่คนนิยมออกกันมากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงหลังเลิกงานและมักจะเป็นช่วงที่วางแผน จัดสรรเวลาได้ง่ายที่สุด จึงทำให้ได้ใช้เวลากับการออกกำลังกายได้ค่อนข้างเยอะ

ข้อดี : มีแรงออกกำลังกายได้มากกว่าช่วงเวลาอื่น เพราะได้ทานอาหารมาอย่างเพียงพอแล้ว รวมถึงไม่ต้องwarm-upนานเนื่องจากร่างกายมีอุณหภูมิสูงที่สุด โดยเฉพาะช่วง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ทำให้ลดอาการบาดเจ็บได้ และยังช่วยให้ลดความอยากอาหารเย็นได้ ผ่อนคลายความเครียดหลังจากทำงาน ส่งผลให้ออกกำลังกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ข้อเสีย : ในบางคนอาจทำให้นอนไม่หลับ เนื่องจากร่างกายรู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า และทำให้ร่างกายต้องใช้เวลาในการเผาผลาญไขมันมากขึ้น

ทริคการออกกำลังกายช่วงเย็น – ค่ำ : หลังจากออกกำลังกายควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้องเพื่อปรับอุณหภูมิในร่างกายเป็นปกติ เพราะถ้าหากดื่มน้ำเย็นอุณหภูมิร่างกายจะปรับลดเร็วจนเกินไป ทำให้ร่างกายทำงานหนัก และเสียเหงื่อมาก อาจทำให้เป็นไข้ได้ รวมทั้งควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4 – 6 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลได้ จะทำให้สามารถนอนหลับได้ดีขึ้น

สรุปแล้วช่วงเวลาไหนกันแน่ที่จะดีและเหมาะกับเราที่สุด
การออกกำลังกายก็ถือว่าเป็นผลดี และมีประโยชน์ แม้ว่าการออกกำลังกายในแต่ละช่วงเวลาจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือเราออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าเหมาะสมกับช่วงเวลาที่สะดวก หรือเหมาะสมกับสภาพร่างกาย ก็จะทำให้เรามีความสุขกับการออกกำลังกาย และไม่ควรหักโหมจนเกินไป เพียงแค่นี้เราทุกคนก็จะมีร่างกายและสุขภาพที่แข็งแรงได้

อ้างอิง : health.kapook.com