IF คืออะไร ลดน้ำหนักได้จริงไหม?

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก การกินเป็นสิ่งสำคัญ โดยที่ IF หรือIntermittent Fasting ก็เป็นตัวเลือกสุดฮิตในขณะนี้ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดีได้โดยไม่จำเป็นต้องออกกำลังกาย

IF (Intermittent Fasting) คือ การกินแบบจำกัดช่วงเวลา โดยสามารถแบ่งเป็นช่วงที่อดอาหาร (Fasting) และช่วงที่กินอาหารได้ตามปกติ (Feeding) เป็นการทำให้ร่างกายได้ใช้ไขมันที่สะสมในร่างกายได้มากขึ้น ซึ่งในช่วงเวลาของการFasting(อดอาหาร) สามารถดื่มได้เพียงแต่น้ำเปล่า หรือชา กาแฟ แบบไม่มีน้ำตาล เท่านั้น

ตารางการทำ IF ในแต่ละรูปแบบ

1. Lean gains หรือเรียกกันว่า if 16/8 คือ อดอาหาร 16 ชั่วโมง และกิน 8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

2. Fast 5 หรือเรียกกันว่า if 19/ 5 คือกินอาหารในช่วง 5 ชั่วโมง และจะอดอาหาร 19 ชั่วโมงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสูตรที่ได้รับความนิยมน้อย เพราะมีระยะเวลาอดที่ยาวนานและไม่ค่อยเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนทำงาน

3. IF แบบ 5:2 คือ การกินอาหารตามปกติ 5 วัน และกินอาหารแบบ Fasting 2 วัน โดยจะเป็นวันที่ติดกัน 2 วันหรือห่างกันก็ได้ รูปแบบนี้จะเป็นการจำกัดแคลอรี่หรือปริมาณอาหารที่ร่างกายต้องได้รับในต่อวัน จะไม่ใช่การอดอาหาร เช่นกิน ¼ ของแคลอรี่ที่ต้องได้รับต่อวัน

4. The Warrior Diet คือการอดอาหารในช่วงกลางวัน แต่สามารถดื่มน้ำเปล่าได้ และกลับมารับประทานอาหารหนักในมื้อค่ำเพียงมื้อเดียวเท่านั้น เฉลี่ยคือใช้เวลาในการอดอาหาร ประมาณ 19-20 ชั่วโมงต่อวัน

5. Eat stop Eat คือการอดอาหารต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง แต่ สามารถดื่มน้ำเปล่า ชา กาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาลและแอลกอฮอล์ได้ โดยควรทำอย่างน้อย 1-2 วัน/สัปดาห์ แต่เป็นวิธีที่ค่อนข้างส่งผลเสียต่อความอยากอาหารและอารมณ์ ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ได้ผลดีอย่างรวดเร็วก็ตาม

ข้อควรระวังในการทำ IF

1.ควรมีวินัยในตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ควรทานของที่มีประโยชน์ เน้นโปรตีน ลดแป้งหรืออาหารแปรรูป และห้ามนอนดึก เพราะจะทำให้ฮอร์โมนที่ซ่อมแซมร่างกายไม่ได้ทำงานและอ้วนง่าย
2.ควรกินอย่างพอเหมาะทั้งในช่วงที่ต้องอดอาหารก็ไม่ควรอดเกินเวลาหรือนานเกินไป และในช่วงที่สามารถทานได้ก็ไม่ควรกินเยอะจนเกินไป เพราะจะทำให้ระบบเผาผลาญพังได้ ส่งผลให้เกิดไขมันสะสม
3.ในบางคนอาจทำให้เกิดอาการเพลีย ไม่มีแรง อ่อนล้า หงุดหงิดง่าย เนื่องจากระดับน้ำตาลต่ำ
4.ในผู้หญิงอาจทำให้เกิดปัญหาประจำเดือนมาผิดปกติ

การลดน้ำหนักแบบIF ถือเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่ดี และยังช่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย แต่ผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล และIFก็ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เนื่องจากสภาพร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากใครทำแล้วรู้สึกทรมานและมีผลข้างเคียงแนะนำให้ลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆที่เหมาะสมกับตนเอง เพราะเราควรให้ความสำคัญกับสุขภาพทั้งกายและใจไปพร้อมกัน