‘ก้องศักด ผู้ว่าการ กกท.’เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทย ชุดเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 โดยมีนายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาไทยให้การต้อนรับ และนำชมภายในหมู่บ้านนักกีฬา เมืองนิวคาร์ก ซิตี้ ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา

ดร.ก้องศักด เปิดเผยว่า หลังจากได้ตรวจเยี่ยมเป็นกำลังใจนักกีฬากรีฑา ซอฟบอล เวคบอร์ด รักบี้ ทีมกายภาพบำบัด ทีมแพทย์ดูแลนักกีฬา และศูนย์ไทยเฮ้าส์แล้ว ทราบว่า เจ้าภาพจัดที่พักไว้ไม่เพียงพอ แต่ใช้การเจรจาจนแก้ไขปัญหาผ่านไปได้ด้วยดี สำหรับอาหารที่มีไม่เพียงพอและ รสชาติอาจจะไม่ถูกปากนักกีฬาไทยมากนัก ก็ยังมีอาหารจาก CP มาช่วยเสริมให้นักกีฬา ในไทยเฮ้าส์ที่ กกท. จัดไว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการกายภาพบำบัด นวดผ่อนคลายและเรื่องของจิตวิทยา ที่นำมาเสริมเพื่อดูแลนักกีฬาไทยให้ดีที่สุด

ผู้ว่า กกท. กล่าวเพิ่มเติมว่า จำนวนเหรียญทอง น่าจะยังมีโอกาสได้เหรียญเพิ่มขึ้นมาใน 2-3 วันนี้ จากกีฬาที่เราถนัดในหลายชนิดกีฬาที่ยังไม่ได้เริ่มแข่ง เช่น เทควันโด มวยที่ได้เข้ารอบอยู่หลายรุ่นด้วยกัน กีฬาวอลเลย์บอลทั้งหญิงและชาย บาสเกตบอลทั้งหญิงและชาย นักกีฬาไทยก็ทำผลงานได้ดี ส่วนกีฬาฟุตบอลแม้จะตกรอบไปแต่ผมเชื่อว่าถ้าเรามีโอกาสเตรียมตัวมากกว่านี้ก็ยังมีโอกาสทำผลงานได้ดี เรื่องของการบริหารจัดการเราคงต้องกลับไปคุยกันว่าเราจะต้องปรับกลยุทธ์อย่างไร และต้องศึกษาคู่ต่อสู้ให้มากขึ้น สำหรับชนิดกีฬาที่เรามีความคาดหวัง ครั้งนี้อาจจะผิดหวังไปบ้าง เราต้องยอมรับว่าประเทศอาเซียน ประเทศใหญ่ได้พัฒนามาหมดแล้ว เช่น ประเทศอินโดนีเซีย มีประชากร 260 กว่าล้านคน ฟิลิปปินส์ มีประชากร 100 กว่าล้านคน มีฐานนักกีฬาที่เยอะและมีศักยภาพมากพอ อีกทั้งมีความจริงจัง ก็จะได้เปรียบเราในเรื่องของจำนวนคน อีกครั้งได้รับความร่วมมือจากทั้งประเทศจีนและอเมริกา ทำให้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ประเทศอินโดนีเซียซึ่งผ่านการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ เอเชียนเกมส์มาเมื่อเร็ว ๆ นี้ จึงมีการเตรียมนักกีฬามาอย่างต่อเนื่อง อีกประเทศที่น่ากลัว คือประเทศเวียดนามที่มุ่งมั่นพัฒนาในระยะหลัง และใช้ผู้ฝึกสอนระดับโลกใช้นักกีฬาระดับโลกเข้ามาช่วยเรื่องของการฝึกซ้อม เพราะฉะนั้น 3 ประเทศนี้ เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ประเทศไทยจึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อต่อสู้ให้ได้

ในส่วนความคาดหวังเหรียญทองหนนี้ต้องยอมรับว่าอาจจะพลาดเป้าไม่ถึง 100 เหรียญ และในการแข่งขันกีฬาสากล เราน่าจะขยับจำนวนเหรียญขึ้นมา ที่ผ่านมาจากการเก็บสถิติ ประเทศไทยจะได้เหรียญและติดอันดับ 1 ใน 3 ของการแข่งขันหนนี้ จากการแข่งขันกีฬาสากล

สำหรับ วิทยาศาสตร์การกีฬาเราเน้นการป้องกันการบาดเจ็บ ต้องยอมรับว่าโปรแกรมการแข่งขันมีส่วนที่ทำให้นักกีฬาเราบาดเจ็บและทำให้ศักยภาพในการแสดงออกทางการกีฬาของเราลดน้อยลง ในการแข่งขันกีฬา นักกีฬาจากประเทศต่าง ๆ จะเจอสถานการณ์คล้าย ๆ กัน คือเจ้าภาพอาจจัดโปรแกรมการแข่งขันให้ได้เปรียบ ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาของ กกท. เน้นการส่งเสริมศักยภาพนักกีฬาและมีนโยบายที่ชัดเจน โดยเมื่อเทียบกับประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซียที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬาที่ดีกว่าเรา นอกจากนี้ประเทศเวียดนาม ยังมีโรงพยาบาลกีฬา และสถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งชาติ ประเทศไทยจึงต้องเร่งดำเนินการทำโครงสร้างพื้นฐานให้ดี เตรียมบุคลากรทางด้านกีฬารวมไปถึงพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาให้เพียงพอสำหรับการแข่งขันรายการต่อ ๆ ไป