ออกกำลังกายเวลาไหนดีกว่ากัน

มีข้อมูลมากมายและหลากหลายทฤษฎีที่ออกมาถกเถียงกันเรื่องของเวลาการออกกำลังกาย ว่าออกกำลังกายช่วงเวลาไหนให้ผลดีมากกว่ากัน จะเป็นช่วง เช้า สาย บ่าย หรือเย็น ซึ่งโดยมากสิ่งที่จะเป็นตัวตัดสินและชี้วัดว่าการออกกำลังกายนั้นได้ผลหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ช่วงเวลาการออกกำลังกาย แต่อยู่ที่ความสม่ำเสมอของการปฏิบัติมากกว่า เพราะไม่ว่าช่วงเวลาไหน การออกกำลังกายก็มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น ทำให้ห่างไกลโรคอย่าง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคอ้วน โรคอัลไซเมอร์ ฯลฯ ซึ่งการออกกลังกายแต่ละช่วงเวลานั้นมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป จึงควรเลือกช่วงที่สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
ข้อดีของการออกกำลังกายในตอนเช้า
หลายคนเลือกการออกกำลังกายในตอนเช้าเนื่องจากสามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนพร้อมได้รับอากาศที่ดี สดชื่นในยามเช้า มาดูข้อดีของการออกกำลังกายในยามเช้ากัน
สามารถกำหนดเวลาและสามารถทำให้เป็นกิจวัตรได้ง่ายกว่า ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราเผาผลาญพลังงานในระหว่างวัน โดยสองสิ่งนี้จะมีผลให้เราสามารถเผาผลาญพลังงานและดึงไขมันสะสมมาใช้ในระหว่างวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับคนที่ต้องการคุมน้ำหนัก หรือลดน้ำหนัก พบว่าการออกกำลังกายตอนเช้าจะช่วยให้คุมน้ำหนักได้ดีกว่า ด้วยเหตุผลในเรื่องของฮอร์โมนที่ร่างกายสร้าง ซึ่งจะสัมพันธ์กับ biological clock ในสมองในการสร้างฮอร์โมน สร้างความรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ผลเนื่องจากร่างกายได้รับการกระตุ้นประกอบกับระดับฮอร์โมนต่างๆมีความเปลี่ยนแปลง เมื่อออกกำลังกายเสร็จจะทำให้ร่างกายตื่นตัวสดใสไปได้อีกหลายชั่วโมง แต่จำเป็นที่จะต้องเลือกการออกกำลังกายที่ไม่หนักจนเกินไปและต้องพักผ่อนให้เพียงพอด้วย ได้รับอากาศที่สดชื่น ในช่วงเช้ามลพิษในอากาศนั้นยังมีน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่นๆ สำหรับคนที่ออกกำลังกายภายนอกบ้านหรือฟิตเนส การตื่นมากออกกำลังกายตอนเช้าก็จะทำให้รับรับอากาศที่ดีกว่า และได้รับมลพิษที่น้อยกว่า
ข้อดีการออกกำลังกายในตอนเย็นถึงค่ำ
การออกกำลังกายในช่วงเย็นถึงค่ำถือเป็นช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในหมู่คนเมือง เนื่องจากความเหมาะสมเรื่องเวลา แต่การออกกำลังกายช่วงเวลานี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน ออกกำลังกายได้เต็มที่มากกว่ามีผลการวิจัยหลายชิ้นทดสอบออกมาว่า ช่วงเวลาตั้งแต่ บ่าย 3 โมงจนถึง 3 ทุ่ม (15.00น-21.00น.)เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการออกกำลังกายโดยเฉพาะ กลุ่มเสริมสร้างและเพิ่มความอดทนของกล้ามเนื้อ เนื่องจากร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารมาสะสมไว้จนเพียงพอ จึงทำให้ออกกำลังกายแบบใช้แรงได้ดีกว่า โดยกล้ามเนื้อทำงานได้ดีขึ้นประมาณ 5-10% รวมถึงความทนทานของร่างกาย หรือความอึดในการออกกำลังกายโดยเฉพาะการออกกำลังแบบแอโรบิก จะเพิ่มขึ้นถึง 4% เสี่ยงกับอาการบาดเจ็บน้อยกว่า
เนื่องด้วยช่วงเวลาเย็นของวันจะเป็นช่วงที่ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูง และร่างกายอบอุ่นขึ้น ว่าช่วงเวลาเช้า จึงทำให้กล้ามเนื้อ ข้อต่อยืดหยุ่นได้ดีกว่า และพร้อมกับการออกกำลังกายมากกว่าจึงทำให้มวลรวมของกล้ามเนื้อ แข็งแรงและทนทานกว่าในช่วงเช้านั่นเอง เมื่อออกกำลังกาย ฮอร์โมนต่างๆจะถูกหลั่งออกมา โดยเฉพาะเมื่ออกกำลังกายเสร็จจะให้เรารู้สึกสบายใจ เป็นเพราะร่างกายได้หลั่งฮอร์โมน เอนดอร์ฟิน ออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้มีฤทธิ์คล้ายกับฝิ่น แต่ไม่มีโทษ จะทำให้เราสบายใจ คลายเครียด เป็นการสร้างสมดุลให้กับร่างกายที่จำเป็น เพราะเมื่อเราเครียด ร่างกายของเราจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมากระตุ้นร่างกายเรา ฮอร์โมนตัวนี้คือ อะดรีนาลิน เมื่อเครียดมากร่างกายก็จะกระตุ้นการกักเก็บไขมัน ดังนั้นการออกกำลังกายจะช่วยให้เรามีระดับ เอนดอร์ฟิน บาลานซ์กับอะดรีนาลิน ทำให้ร่างกายเราสดชื่นไม่ตึงเครียด และช่วยให้เราคุมอาหารได้ง่ายขึ้นด้วย
สำหรับคนที่ไม่มีเวลา มีเวลาไม่แน่นอนและ ผู้เริ่มต้นการออกกำลังกาย
การกำหนดเวลาในการออกกำลังกาย ของคนที่มีเวลาไม่แน่นอนนั้น อาจไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงข้อดีข้อเสียของช่วงเวลามากนัก แต่ขอให้แบ่งเวลาที่สะดวกที่สุด ไปออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 150-200 นาทีต่อสัปดาห์ โดยสามารถแบ่งเป็นหลายๆครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที และหาเวลาออกกำลังกายในกลุ่มเวทเทรนนิ่ง อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง และจัดเวลาสำหรับกิจกรรมการยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างน้อยวันละ 20-30 นาที เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ อาจทำระหว่างวันหรือระหว่างทำงานก็ได้ สำหรับมือใหม่ก็เช่นกัน พยามยามหาเวลาไปออกกำลังกายให้ได้ ขอให้เป็นช่วงเวลาที่ทำได้อย่างสม่ำเสมอ หรือหากไม่มีเวลาจริงๆ ลองใช้วิธีการสอดแทรกการออกกำลังกายเข้กับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นเดินให้มากขึ้นโดยเริ่มจากป้ายรถเมล์ไปที่ทำงาน หรือการเดินจากสถานที่นึงไปอีกสถานที่นึงแทนการใช้รถ งดการใช้ลิฟท์ในการขึ้นลงชั้นใกล้ๆเปลี่ยนมาเป็นการขึ้น ลงบันไดแทนก้ได้ แต่ถ้าหากพอจัดสรรเวลาได้ หาเวลาไปออกกำลังซักนิด คุณก็จะมีสุขภาพที่ดีห่างไกลโรคได้

ขอบคุณแหล่งที่มา : โรงพยาบาลสมิติเวช