ดร.ก้องศักด นำทีมตรวจสนามกีฬายะลาและปัตตานี และเป็นประธานเปิดกีฬาสมานฉันท์ 5 จว.ชายแดนใต้

ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เดินทางตรวจเยี่ยมสนามกีฬาจังหวัดยะลา, สนามกีฬาจังหวัดปัตตานี และเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสมานฉันท์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี นายวิษณุ ไล่ชะพิษ รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายส่งเสริมกีฬา , คณะผู้บริหาร กกท. ร่วมตรวจเยี่ยมและร่วมในพิธีเปิด เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2562 

เมื่อเวลา 08.00 น. ผู้ว่าการ กกท. พร้อมคณะ ได้เดินทางตรวจเยี่ยมศูนย์เยาวชนจังหวัดยะลา จากนั้น ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสนามกีฬาจังหวัดปัตตานี โดยมี ดร. พงศ์เทพ ไข่มุกด์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ และร่วมประชุมกับคณะบุคลากรกีฬาจังหวัดยะลา ณ ห้องประชุมสำนักงาน กกท. จังหวัดยะลา (หลังใหม่) ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา จากนั้น ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสมานฉันท์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, นายวิษณุ ไล่ชะพิษ รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายส่งเสริมกีฬา , คณะผู้บริหาร กกท. , คณะผู้บริหารจังหวัดยะลา นักกีฬา และเจ้าหน้าที่ ร่วมพิธี ณ อาคารพระเศวตสุรคชาธาร (สนามโรงพิธีช้างเผือก) 

ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยว่า การแข่งขันกีฬาสมานฉันท์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันจำนวนทั้งสิ้น 600 คน จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดละ 120 คน ชิงชัยในกีฬาหลายชนิด อาทิ ฟุตซอล, เปตอง, วอลเลย์บอล, ตะกร้อ, กีฬาไทย และมวย ฯลฯ นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการนำเอากีฬามาสร้างความสมานฉันท์และจะทำให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้ง 5 จังหวัด ได้มีโอกาสได้ทำกิจกรรมกีฬาเพิ่มมากขึ้น วันนี้นอกจากงานกีฬาที่จังหวัดยะลาแล้ว ยังได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนผู้บริหารในจังหวัด, ส่วนท้องถิ่น แบะสมาคมกีฬาของยะลา และปัตตานีด้วย ได้มีการพูดคุยในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพื้นฐานกีฬา ได้แก่ สนามกีฬา, สนามกีฬาในร่ม สนามฟุตซอล ซึ่งก็มีหลายความต้องการของจังหวัด กกท. จะได้ร่วมมือกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบต่างๆ การสนับสนุนเท่าที่จะทำได้ จะมีการวางแผนร่วมกัน รวมทั้งเรื่องกิจกรรมกีฬาซึ่งในอนาคตมีความเชื่อมั่นว่า 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความพร้อมต่างๆในเรื่องของการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬา ทั่งในระดับภาค ระดับชาติ รวมถึงนานาชาติ ได้ในอนาคต 

“จากเท่าที่ได้สัมผัสคนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความกระตือรือร้น ตื่นตัว ชอบกีฬา รักกีฬา มีกีฬาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จะเห็นได้จากการที่บางครั้งถึงแม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬาอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีผู้คนมาใช้ประโยชน์ในด้านกีฬากันจำนวนมาก ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ไปสัมผัสบรรยากาศพี่น้องชาวยะลาที่มีความตื่นตัวเรื่องสุขภาพ โดยการออกกำลังกาย เล่นกีฬา เดินวิ่ง แอโรบิกต่างๆ เต็มไปหมด รวมถึงที่ปัตตานีก็ได้สอบถามรองผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากในเรื่องของการรักกีฬาของชาวปัตตานี การที่อยากจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมขอวกีฬา ซึ่งเราก็เชื่อมั่นจากความร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนจะสามารถใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการสร้างความรัก ความสามัคคี นอกจากจะทำให้เพิ่มคุณภาพของบุคลากร ทรัพยากรมนุษย์แล้ว ยังเชื่อมั่นว่า กีฬาจะเป็นส่วนสำคัญที่สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างอนาคตให้พี่น้องชาวใต้ รวมถึงเรื่องการขยายอุตสาหกรรมกีฬา โดยพื้นฐานแล้ว กกท. คิดว่าศักยภาพของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถที่จะขยายในเรื่องของธุรกิจกีฬา อุตสาหกรรมกีฬา ได้เป็นอย่างดี ด้วยพื้นฐานที่คนรักการเล่นกีฬา ด้วยพื้นฐานที่มีความต้องการ เราจะเห็นภาพของพี่น้องชาวไทยและชาวมุสลิมมีความตื่นตัวในการใช้สนามกีฬาสำหรับการเล่นกีฬา เชื่อว่าพี่น้องชาวไทยและมุสลิมมีความต้องการคล้ายๆกัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา, การออกกำลังกาย ทราบข้อมูลมาจากยะลาและปัตตานีว่า พี่น้องชาวมุสลิม จะใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในการเล่นกีฬามากกว่าพี่น้องชาวพุทธด้วยซ้ำ อันนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเรื่องของกีฬาไม่มีเรื่องของเชื้อชาติและศาสนาจริงๆ และเราก็อยากจะส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมกีฬาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และสนองนโยบายของรัฐบาลที่จะใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการเชื่อมมิตรภาพ ทำให้เกิดความสงบสุขในประเทศไทย”

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ เรื่องความพร้อมต่างๆ ข้อแรก ด้านสนามกีฬา ถือว่าเป็นนโยบายหลักที่จะให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬาให้กับ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้ง ยะลา, สงขลา, ปัตตานี, นราธิวาส และสตูล เราจะทำให้โครงสร้างสนามกีฬารองรับการจัดการแข่งขันกีฬาได้ระดับชาติ และนานาชาติ ยกตัวอย่างที่ปัตตานี ยังไม่มีลู่ยางสังเคราะห์ เป็นลู่คอนกรีต เราก็จะหาแนวทางให้ได้เป็นลู่ยางสังเคราะห์ เพื่อรองรับการจัดแข่งขันกรีฑาระดับชาติได้ ที่อื่นๆก็เช่นเดียวกัน เราจะทำงานร่วมกับท้องถิ่นให้เป็นรูปธรรม ส่วนเรื่องของมิติอื่นๆ การแก้ไขปัญหายาเสพติดก็เช่นเดียวกันเราจะนำกีฬาเข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหาสังคมในพื้นที่ด้วย สำหรับเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่จังหวัดปัตตานีให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ก็สอดคล้องกับนโยบายของ กกท. ที่ขณะนี้เราเตรียมพื้นที่จะก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาที่ปัตตานีและมีการเพิ่มบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาในระดับจังหวัดด้วย ให้มีความเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยต่างๆที่เกี่ยวข้องที่มีการเรียนการสอนหลักสูตรวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งก็จะมีโครงการคลินิกกีฬาเคลื่อนที่เพื่อเข้าไปถึงประชาชนในแหล่งชุมชนให้ได้มากที่สุดอีกด้วย

ทั้งนี้ กกท. ยังได้มอบอุปกรณ์กีฬาเพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนภายในจังหวัดยะลา จำนวน 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 2, โรงเรียนเทศบาล 5, โรงเรียนบ้านโต และโรงเรียนบ้านกรงปินัง. 

ผู้ว่าการ กกท.ร่วมงานแถลงข่าวการจำหน่ายบัตรชมการแข่งขันโมโตจีพี สนามที่ 15

นาวาตรี วรวิทย์ เตชะสุภากูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวการจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโตจีพีร่วมด้วย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, ณ ห้องประชุมอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 25 การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ผู้ว่าการ กกท. ได้กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันในปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับการตอบรับที่ดีจากสื่อมวลชนในการถ่ายทอดสดการแข่งขันดังกล่าวสู่สายตาผู้ชมกว่า 800 ล้านคน ทำให้ทั่วโลกได้เห็นศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยในด้านการเป็นผู้จัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างแท้จริง และมุ่งหวังว่าการแข่งขันโมโตจีพีจะช่วยทำให้นักแข่งและทีมแข่งของไทยได้ประโยชน์สูงสุดในด้านการพัฒนากีฬา ทั้งนี้ กกท. เชื่อว่าจากกระแสตอบรับในปีที่ผ่านมาจะส่งผลให้การจัดการแข่งขันในปีนี้มีผู้ชมในสนามทั้งชาวไทยและต่างชาติมากขึ้น รวมไปถึงเป็นการสร้างรายได้และประโยชน์ให้ประเทศไทยได้มหาศาลอย่างแน่นอน

สำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรายการโมโต จีพี สนามที่ 15 รายการ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019” (PTT Thailand Grand Prix 2019) มีกำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 4 – 6 ตุลาคม 2562 ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ซึ่งจะแบ่งจำหน่ายออกเป็น 2 ราคา คือ 2,000 บาท และ 4,000 บาท สามารถซื้อบัตรเข้าชมทางเคาเตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ โดยบัตรเข้าชมการแข่งขันทุกประเภทสามารถเข้าชมได้ตลอดทั้ง 3 วัน